งานระบบเครือข่ายและบริการอินเทอร์เน็ต
Networking Systems and Internet Services
วิธีง่ายๆ ในการแบคอัปข้อมูล Gmail ลงคอมพิวเตอร์
เมื่อเดือนที่ผ่านมา มีข่าวกรณีที่ผู้ใช้งานบริการอีเมล Gmail กว่า 100,000 ราย ได้รับความเดือดร้อน หลังจากอีเมลและบันทึกการสนทนาใน Google Chat สูญหายไปจากระบบ จนไม่สามารถย้อนดูอีเมลเก่าย้อนหลังได้ ซึ่งก็สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้ใช้ไม่น้อย แม้ตอนนี้จะยังไม่มีแถลงการณ์ใดๆ ออกมาจากกูเกิล เกี่ยวกับความคืบหน้าในการกู้คืนข้อมูลที่หายไปของผู้ใช้บริการนับแสนราย แต่อย่างน้อยถ้าเราสามารถแบคอัปข้อมูลในอีเมลเองได้ ก็จะช่วยให้ผู้ใช้งานอีเมลมั่นใจได้ว่าข้อมูลอันมีค่าที่อยู่ในอีเมล ยังถูกเก็บไว้เป็นอย่างดีในคอมพิวเตอร์ของคุณเอง หากระบบเกิดมีปัญหาอีกครั้ง ก็สามารถกู้คืนข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ได้ด้วยตัวเอง ขอเสนอวิธีง่ายๆ ในการแบคอัปข้อมูลให้กับอีเมล Gmail ของคุณ 1. ดาวน์โหลดโปรแกรม Gmail Backup จากเว็บไซต์ http://tiny.cc/zbuhn และติดตั้งไฟล์ลงบนเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ 2. พิมพ์ User Name (ชื่ออีเมล) ของจีเมล พาสเวิร์ด รวมถึงกำหนด Directory ที่ต้องการเก็บไฟล์แบคอัป แล้วกด "Backup" ที่ด้านล่างซ้ายมือของโปรแกรม ระบบจะทำการแบคอัปข้อมูลทั้งหมดในอีเมล์ของคุณลงคอมพิวเตอร์ เมื่อเกิดปัญหาข้อมูลสูญหาย ก็สามารถเปิดโปรแกรม Gmail Backup แล้วกด "Restore" เพื่อดึงข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ไปยังเมล์ของคุณขอขอบคุณ ASTV ผู้จัดการที่มา http://www.manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9540000028530
5 กันยายน 2554     |      4014
พบ 2 โปรแกรมสอดแนมใหม่บนมือถือแอนดรอยด์
บริษัท NetQin Mobile ออกแถลงการณ์พบ 2 โปรแกรมสอดแนมหรือสปายแวร์ตัวใหม่บนสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ (Android) สปายแวร์ทั้ง 2 มาในชื่อ "SW.SecurePhone" และ "SW.Qieting" มีผลให้ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ตกอยู่ในความเสี่ยงถูกโจรกรรมและดัดแปลง ซึ่งอาจนำไปสู่ผลร้ายยิ่งขึ้นในอนาคต รายงานระบุว่า SW.SecurePhone คือแอปพลิเคชันที่ไม่มีสัญลักษณ์หรือไอคอนใดๆ และทำงานต่อเนื่องอยู่ในส่วนฉากหลังหรือ background การศึกษาพบว่าสปายแวร์ตัวนี้จะดักจับข้อมูลจากกล่องข้อความสั้นหรือ text messages ประวัติการโทรฯหรือ call log รวมถึงภาพถ่ายนานาชนิด แล้วส่งขึ้นไปบนเซิร์ฟเวอร์ระยะไกล ที่สำคัญ SW.SecurePhone ยังสามารถรู้ตำแหน่งโทรศัพท์เคลื่อนที่ และบันทึกเสียงรอบอุปกรณ์โดยอัตโนมัติได้        ขณะที่ SW.Qieting รายงานระบุว่าจะเป็นแอปพลิเคชันที่สามารถส่งต่อหรือฟอร์เวิร์ดข้อความไปยังโทรศัพท์มือถือที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการตรวจจับอยู่        รายงานย้ำว่าทั้ง 2 สปายแวร์นี้เริ่มแพร่กระจายเป็นวงกว้างในสหรัฐฯผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยความน่าเป็นห่วงนั้นอยู่ที่การไม่มีไอคอนซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่ผู้ใช้ส่วนใหญ่ยึดเป็นหลักยืนยันการมีอยู่ของแอปพลิเคชัน เมื่อทั้ง 2 สปายแวร์ไม่มีไอคอนแสดงไว้ ผู้ใช้ส่วนใหญ่จึงไม่มีโอกาสรู้ว่าเครื่องที่ตัวเองกำลังใช้มีสปายแวร์นี้แฝงอยู่หรือไม่        รายงานไม่ระบุวิธีการแพร่กระจายของสปายแวร์ทั้ง 2 ตัวนี้ แต่อ้างถึงคำแนะนำ 4 ข้อจากบริษัท NetQin ที่ให้ความรู้ผู้บริโภคถึงวิธีการป้องกันเบื้องต้นเพื่อไม่ให้โทรศัพท์มือถือของตัวเองถูกติดตั้งสปายแวร์แฝงไว้ภายใน ได้แก่ 1 ควรดาวน์โหลดแอปพลิเคชันจากแหล่งที่เชื่อถือได้ โดยควรตรวจสอบบทความทดลองใช้งาน (review) คะแนนที่ได้ (rating) และข้อมูลนักพัฒนา ก่อนจะลงมือดาวน์โหลดแอปพลิเคชันใดๆ        2 ควรศึกษารายละเอียดการขออนุญาตในแอปพลิเคชันให้ดี โดยเลือกดาวน์โหลดเฉพาะแอปพลิเคชันที่ไม่ร้องขอสิ่งที่นอกเหนือจากบริการที่ให้ 3 ควรติดตามและระวังค่าบริการที่ผิดปกติในบิลโทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากอาจเป็นสัญญาณที่ชี้ว่าโทรศัพท์เครื่องนี้อาจติดเชื้อสปายแวร์ตัวร้ายเรียบร้อยแล้ว และ 4 คือการติดตั้งแอปพลิเคชันรักษาความปลอดภัยเพื่อปกป้องโทรศัพท์ตลอดเวลา การพบโปรแกรมสอดแนมใหม่บนโทรศัพท์มือถือแอนดรอยด์เพิ่มขึ้นถือเป็นเรื่องที่หลายคนคาดหมายไว้แล้ว เนื่องจากความแพร่หลายของแอนดรอยด์ทำให้ผู้ประสงค์ร้ายพุ่งเป้าแอนดรอยด์ในฐานะเค้กก้อนโต ซึ่งคุ้มค่าแก่การลงทุนสร้างโปรแกรมร้ายขึ้นมาโจมตีกลุ่มคนวงกว้าง ขอขอบคุณ  ASTV ผู้จัดการที่มา http://www.manager.co.th/cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9540000026749
4 มกราคม 2554     |      3932
100 คำสั่งบนแป้นคีย์บอร์ด
100 คำสั่งบนคีย์บอร์ดที่ควรรู้CTRL+C --คัดลอก  CTRL+X --ตัด/ย้าย  CTRL+V --วาง (ใช้คู่กับคำสั่งคัดลอก/ตัด)  CTRL+Z --ยกเลิกการทำงานครั้งล่าสุด  DELETE --ลบโดยไปพักที่ถังขยะ  SHIFT+DELETE --ลบโดยไม่ต้องพักที่ถังขยะ  CTRL กดค้างไว้+คลิกเลือกไฟล์ --เป็นการเลือกแบบเฉพาะเจาะจง  CTRL+SHIFT กดค้างไว้ แล้วคลิกที่ไฟล์แรก และไฟล์สุดท้าย --จะเป็นการเลือกตั้งแต่  ไฟล์แรกถึงไฟล์สุดท้ายทั้งหมด  F2 --เปลี่ยนชื่อแฟ้ม  CTRL+RIGHT ARROW --ไปยังคำต่อไป (ด้านขวามือ)  CTRL+LEFT ARROW --ไปยังคำก่อนหน้า (ด้านซ้ายมือ)  CTRL+DOWN ARROW --ไปยังย่อหน้าต่อไป (ลงล่าง)  CTRL+UP ARROW --ไปยังย่อหน้าต่อไป (ขึ้นบน)  CTRL+SHIFT --ทำ Highlight ทั้งบรรทัด  SHIFT+ปุ่มลูกศร --ทำ Highlight เฉพาะส่วนที่เลือก  CTRL+A --เลือกทั้งหมด F3 --ค้นหา  ALT+ENTER --ดู properties  ALT+F4 --ปิดโปรแกรมที่ใช้งานในปัจจุบัน  ALT+SPACEBAR --เปิด shortcut menu ของหน้าจอที่ใช้งานอยู่  CTRL+F4 --ปิดโปรแกรมที่ใช้อยู่ทั้งหมด  ALT+TAB --สลับหน้าจอระหว่างโปรแกรมที่ 1 ไปโปรแกรมที่ 2 3 4  ALT+ESC (Cycle through items in the order that they had been opened)  F6 key (Cycle through the screen elements in a window or on the desktop)  F4 --แสดงรายการใน Address bar  SHIFT+F10 --เหมือนการคลิกขวาที่เม้าส์  CTRL+ESC --เหมือนการคลิกที่ปุ่ม Start  ALT+Underlined letter in a menu name (Display the corresponding menu)  Underlined letter in a command name on an open menu (Perform the  corresponding command)  F10 key (Activate the menu bar in the active program)  RIGHT ARROW --เปิดเมนูถัดไปทางขวาหรือเปิดเมนูย่อยทางขวา  LEFT ARROW --เปิดเมนูถัดไปทางซ้ายหรือเปิดเมนูย่อยทางซ้าย  F5 key --รีเฟรชหน้าจอปัจจุบัน  BACKSPACE --แสดงโฟลเดอร์ที่อยู่เหนือขึ้นไป 1 ระดับ  ESC --ยกเลิก SHIFT เมื่อใส่แผ่น CD-ROM --หยุดยั้งการเปิดแผ่นแบบอัตโนมัติ  Dialog Box Keyboard Shortcuts /เกี่ยวกับไดอะล็อก  CTRL+TAB --ไปในแถบต่อไป  CTRL+SHIFT+TAB --ไปในแถบก่อนหน้า  TAB --เลื่อนไปยังส่วนต่อไป  SHIFT+TAB --เลื่อนไปยังส่วนก่อนหน้า  ALT+Underlined letter (Perform the corresponding command or select  the corresponding option)  ENTER --ตกลง  SPACEBAR --เลือก/ไม่เลือกใน check boxArrow keys (Select a button if the active option is a group of option buttons)  F1 key --Help  F4 key --แสดงรายการที่ active อยู่  BACKSPACE --แสดงโฟลเดอร์ที่อยู่เหนือขึ้นไป 1 ระดับ  Microsoft Natural Keyboard Shortcuts /ทั่วไป ๆ  Windows Logo --แสดง/ซ่อน Start menu  Windows Logo+BREAK --แสดง System Properties  Windows Logo+D --แสดงหน้าจอ desktop  Windows Logo+M --ย่อหน้าต่างงานทั้หมด  Windows Logo+SHIFT+M --โชว์หน้าต่างงานที่เราย่อไว้ (ยกเลิกการย่อหน้าต่าง)  Windows Logo+E --เปิด My computer  Windows Logo+F,CTRL+Windows Logo+F --ค้นหา  Windows Logo+F1 --Help  Windows Logo+ L --ล็อค keyboard  Windows Logo+R --Run  Windows Logo+U --Utility Manager 
1 มกราคม 2557     |      3258
IT New Update /รัฐจอร์เจียเล็งชู
รัฐจอร์เจียเล็งชู "iPad" ใช้แทนหนังสือเรียนสมาชิกวุฒิสภารัฐจอร์เจียของสหรัฐฯหวังใช้แท็บเล็ตยอดฮิตอย่าง iPad มาแทนที่เล่มหนังสือเรียนแบบดั้งเดิม ถือเป็นรัฐล่าสุดที่มองเห็นคุณค่า iPad ต่อการศึกษาหลังจากหลายโรงเรียนทั่วสหรัฐฯเริ่มทดลองใช้ iPad ในโรงเรียนมาระยะหนึ่งแล้ว        ทอมมี วิลเลียมส์ (Tommie Williams) ประธานวุฒิสภาโดยตำแหน่ง (President of the Senate) จากพรรครีพลับลิกันให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่าผู้ร่างกฏหมายและนักการศึกษาในรัฐจอร์เจียกำลังพิจารณาโครงการทดแทนหนังสือและสมุดในโรงเรียนที่ถูกพิมพ์บนกระดาษด้วย iPad โดยระบุว่าได้เข้าพบกับแอปเปิล (Apple) ผู้ผลิต iPad เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เบื้องต้นคาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายราว 500 เหรียญต่อเด็ก 1 คนต่อระยะเวลา 1 ปี (ราว 15,000 บาท) โดยที่เด็กนักเรียนจะได้รับเครื่อง iPad, ระบบอินเทอร์เน็ตไร้สาย wi-fi รวมถึงระบบที่เด็กๆจะสามารถเข้าถึงหนังสือเรียนที่หลากหลายได้่        ส.ว.วิลเลี่ยมส์ระบุว่า ค่าใช้จ่ายที่ทุกฝ่ายในสหรัฐฯต้องเสียไปกับเล่มหนังสือเรียนและสมุดโรงเรียนนั้นมีมูลค่าเฉลี่ยสูงถึง 40 ล้านเหรียญต่อปี นอกจากนี้ หนังสือเรียนหลายเล่มยังมีเนื้อหาไม่ทันสมัย โดยหนังสือเรียนจำนวนไม่น้อยในปัจจุบันยังไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับโศกนาฎกรรม 9/11 ความสิ้นเปลืองและการขาดความยืดหยุ่นในการปรับปรุงเนื้อหาให้ทันสมัยอยู่เสมอของเล่มหนังสือเรียนเหล่านี้ทำให้ iPad ถูกมองว่าจะเป็นหนังสือเรียนแห่งอนาคตที่คุ้มค่า        สื่อมวลชนอเมริกันหลายรายตั้งข้อสังเกตว่า หาก iPad ได้รับความนิยมจริง จะถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลกการศึกษานับตั้งแต่การถือกำเนิดของเครื่องขยายภาพหรือโปรเจคเตอร์ (projector) จุดนี้หลายฝ่ายเชื่อกันว่าความเปลี่ยนแปลงนี้จะเกิดขึ้นจริงในอนาคต เนื่องจากหลายโรงเรียนในสหรัฐฯเริ่มประกาศว่าประสบความสำเร็จจากการทดลองนำ iPad มาใช้ในการเรียนการสอนสูง ทำให้ตั้งเป้าขยายวงใช้งานมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง        เดือนธันวาคม 2010 ที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์ New York Times ตีพิมพ์เรื่องราวของโรงเรียน Roslyn High School ในสหรัฐฯซึ่งเริ่มทดลองใช้งาน iPad ราว 47 เครื่องในการเรียนการสอน ล่าสุดโรงเรียนดังกล่าวมีแผนขยายการใช้งานให้ครอบคลุมนักเรียนทั้งหมดของโรงเรียนราว 1,100 คนแล้วเรียบร้อย        สิ่งสำคัญที่ iPad ทำได้เหนือกว่าสมุดจดบันทึกของนักเรียน คือการเปิดทางให้คุณครูและนักเรียนสามารถเปลี่ยนกระดาษมอบหมายการบ้าน และเอกสารการเรียนอื่นๆมาเป็นข้อมูลดิจิตอลที่นักเรียนสามารถบันทึกไว้ในรูปแบบดิจิตอล นอกจากนี้ iPad ยังทำให้เด็กสามารถเพลิดเพลินกับสื่อการสอนแปลกใหม่ เช่น เกมคณิตศาสตร์ การศึกษากับแผนที่โลกแบบโต้ตอบ หรือการเรียนเปียโนบน iPad        แม้โรงเรียนในสหรัฐฯส่วนใหญ่จะเสียค่าใช้จ่ายราว 750 เหรียญ เพื่อซื้อ iPad รุ่น 32GB พร้อมเคสกันกระแทก และปากกาสไตลัส แต่ผู้บริหารโรงเรียนยืนยันว่า iPad สามารถลดค่าใช้จ่ายได้จริงในระยะยาว เบื้องต้นคาดว่าจะสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านหนังสือมากกว่า 7,200 เหรียญต่อปี ทำให้ยอดการสั่งซื้อ iPad ในสถานศึกษาอเมริกันเพิ่มสูงต่อเนื่องในขณะนี้ ปัจจุบัน แอปเปิลประกาศว่าแอปพลิเคชันด้านการศึกษาสำหรับผู้ใช้ iPad นั้นมีมากกว่า 5,400 แปพลิเคชัน โดยมากกว่า 1,000 แอปพลิเคชันเป็นแอปฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย สำหรับคอนเทนต์หนังสือเรียน ขณะนี้สำนักพิมพ์หนังสือเรียนล้วนตื่นตัว และตระหนักดีว่าหนังสือเรียนแห่งอนาคตควรต้องโต้ตอบได้ในรูปแบบดิจิตอล คาดว่าการเปลี่ยนแปลงในระบบการศึกษาจะสามารถเห็นได้ชัดเจนในอนาคตไม่ไกลนับจากนี้ขอขอบคุณ ASTV ผู้จัดการที่มา http://www.manager.co.th/cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9540000017219
1 มกราคม 2557     |      2986
ธรรมะจรรโลงใจ / ส่องกล้องมองคำว่า
ส่องกล้องมองคำว่า"ทุกข์" "ความทุกข์ทั้งหลายที่เป็นความทุกข์ทางใจนี้ เป็นเพราะว่าเรามองดูปรากฏการณ์ในชีวิตด้วยความไม่ชัดเจน" "ยังไม่สนใจธรรมะ เพราะชีวิตยังไม่มีทุกข์"        คนจำนวนมากคิดเช่นนี้ เพราะคำว่า "ทุกข์" นั้นฟังดูเป็นเรื่องหนักหนาสาหัสในชีวิต ทั้งที่ความจริงแล้ว ความหมายของคำนี้ในธรรมะของพุทธศาสนามีความละเอียดอ่อนยิ่งนัก หากศึกษาจริงๆ แล้วจะรู้สึกทึ่งและอัศจรรย์ใจในอัจฉริยภาพของตัวผู้ค้นพบยิ่งนัก จะรู้สึกอย่างไรหากบอกว่าในทุกๆ จังหวะและท่วงทำนองของการดำเนินชีวิตมีทุกข์แฝงอยู่ทุกขณะ ไม่รู้จัก-อย่ารีบบอกว่าไม่มี อย่าเพิ่งเถียงถ้ายังไม่ได้คำอธิบายในเรื่องนี้ของ ดร.ระวี ภาวิไล ที่ส่องกล้องมองดูคำว่าทุกข์ได้ละเอียดไม่แพ้การส่องกล้องดูดาวบนท้องฟ้าเลย "คำว่าปัญหากับความทุกข์ในทางพระพุทธศาสนาใช้แทนกันได้ คำว่าปัญหาเป็นคำสมัยใหม่ เราจะพิจารณาได้ว่าสิ่งที่เราเรียกว่าปัญหานี้คือ ความทุกข์นั่นเอง แต่เวลาพูดความทุกข์จะดูเหมือนหนัก พูดคำว่าปัญหาเป็นเรื่องทันสมัย แล้วเราจะพบว่าสิ่งที่เราต้องแก้ก็คือ ความไม่สะดวกสบายที่ทนได้ยากนั่นเอง "ตามที่บอกว่าชีวิตเป็นความทุกข์เป็นปัญหานั้น ไม่ใช่ว่าการกล่าวเช่นนั้นเป็นการมองโลกในแง่ร้าย แต่เป็นการกล่าวถึงสภาวะที่เป็นจริงในชีวิตของเรา" ไม่เชื่อลองฟังต่อไปได้ "นับตั้งแต่เรารู้สึกตัวลืมตาขึ้นวันหนึ่งๆ จะพบปัญหาที่ต้องแก้ถัดกันไป แก้ปัญหานั้นปัญหาใหม่ก็เข้ามาเรื่อย ถ้าจะสังเกตตั้งแต่เช้า ปัญหาทำอย่างไรเราจะมาถึงที่ทำงานได้โดยเรียบร้อย แม้เมื่อถึงที่ทำงานเราจะพบปัญหารออยู่บนโต๊ะ จะต้องแก้อันนั้นอันนี้เรื่อยไป ชีวิตก็จะเป็นอย่างนี้ "ปัญหาหรือความทุกข์ทางกายนี้เป็นส่วนหนึ่ง แต่ส่งที่น่าจะสังเกตได้ก็คือว่า ส่วนใจมันพลอยไปกับกายมากน้อยแค่ไหน ทั้งที่ส่วนใจก็มีความทุกข์ทางใจอยู่แล้ว คือความเศร้าโศก ความคับแค้นใจ ซึ่งส่วนของจิตใจนี้อาจจะเกิดขึ้นเพราะความทุกข์ทางกายทำให้เกิด หรืออาจเกิดแม้ความทุกข์ทางกายไม่มีก็ได้ "นับเป็นเรื่องที่มีความซับซ้อนในสาเหตุ และสาเหตุเหล่านี้ทางพฤติกรรมสามารถวิเคราะห์ได้ว่าเกิดขึ้นมาอย่างไร แล้วก็รู้หนทางที่จะบรรเทามันลงไป" ในบรรดาความทุกข์ที่แบ่งออกเป็นทางกายและทางใจนั้น อ.ระวีบอกว่า "ความทุกข์ทางใจเกิดขึ้นโดยไม่จำเป็น แล้วเราจะพบว่ามนุษย์ได้สร้างกลไกขึ้นทั้งในตัวเองและสังคม ทำให้เกิดความกดดันและความทุกข์ทางใจขึ้น โดยคนส่วนใหญ่อาจจะมองข้ามไป หรืออาจจะมองไม่เห็น มันก็กลายเป็นปัญหาหรือเป็นทุกข์ ความทุกข์ทางใจเหล่านี้เป็นสิ่งที่การอบรมและการฝึกฝนใจสามารถทำให้มันระงับไปได้" ความทุกข์ทางใจเกิดขึ้นโดยไม่จำเป็น-เป็นประเด็นที่ควรให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นวันหนึ่งๆ คนเราทุกข์ทางใจไปโดยสิ้นเปลืองไม่ใช่น้อย บอกแค่นี้คงไม่ทำให้คิ้วที่ขมวดอยู่คลายออกไปได้ ต้องรับรู้การแจกแจงปฏิบัติการของสิ่งที่เรียกว่าทุกข์เสียก่อน ทุกข์กาย-ทุกข์ใจแน่ กายไม่ทุกข์-ใจทุกข์ไปล่วงหน้า "ตัวอย่างความพัวพันระหว่างทุกข์ทางกายและทุกข์ทางใจที่อาจจะได้พบกันในชีวิตประจำวัน สมมุติว่าเราเป็นเด็กไม่สบายแล้วไปหาหมอ หมอบอกว่าเราเป็นไข้หวัด ต้องฉีดยา ถ้าเด็กคนนั้นเคยฉีดยามาหนหนึ่งแล้ว พอบอกต้องฉีดยาอีกมันเกิดทุกข์ขึ้นมาทันที ความทุกข์ที่ได้รับฟังว่าต้องเอาเข็มมาแทงลงไปในเนื้อ ในขณะนั้นทุกข์ทางกายยังไม่ได้เกิด แต่ทุกข์ทางใจเกิดขึ้นแล้ว อาจจะเริ่มมีอาการเป็นทุกข์ เริ่มน้ำตาคลอ พอหมอเอาเข็มฉีดยาดูดยาออกมาจากหลอดก็เริ่มจะมีความทุกข์ทางกายบ้าง แต่ไม่เจ็บ น้ำตาไหลได้ "เราเป็นผู้ใหญ่รู้สึกแต่คงไม่ถึงกับน้ำตาไหล เห็นหมอทำอย่างนั้นเราก็เริ่มรู้สึก หมอเอาเข็มฉีดยามาบีบยาให้ยามันไล่ แล้วก็เอามาจรดลง แล้วลองนึกทบทวนดูว่าเรารู้สึกอย่างไร จะรู้สึกไม่สบายใจ หมอเริ่มกดเข็ม บางครั้งเราก็มอง บางครั้งเราก็ไม่อยากมอง ลองมองดูและลองพิจารณาดูตอนที่เข็มมันจรด ความทุกข์ทางกายยังไม่เกิดขึ้น แต่เรามีความไม่สบายใจ พอหมอกดเข็มเข้าไปในเนื้อเรา นึกว่าเราเจ็บ แต่ที่จริงถ้าเราเพ่งใจลงไปในขณะเข็มกดลงไปในเนื้อ จะพบว่ามันยังไม่เจ็บ ความทุกข์ทางกายยังไม่มี แต่เมื่อเข็มมันลงไปลึกพอประมาณแล้ว และเมื่อหมอเริ่มกดยาเข้าไป ความเจ็บมันจะมี "ถ้ามีสติอยู่กับปัจจุบัน เจ็บที่แล้วไปอย่าไปนึกถึงมันอีก เจ็บที่กำลังเจ็บดูมัน เจ็บที่ยังไม่มา อย่าเพิ่งไปเจ็บก่อน เราจะพบว่าความเจ็บได้เป็นทุกข์ก้อนใหญ่ที่เราจะต้องแบกไว้ แต่ความเจ็บนั้นมันเป็นชั่วขณะๆ พอหมอถอนเข็มออกแล้วขยี้ตอนนั้นเราจะเจ็บมากชั่วขณะ แล้วก็จะชา แต่ถ้าเราไม่ทำอย่างนั้นจะรู้สึกว่าความเจ็บจริงๆ กับความที่ใจเราเป็นทุกข์มันปนเปกันไปหมด ไม่รู้ส่วนไหนเป็นทุกข์ทางกาย ส่วนไหนเป็นทุกข์ทางใจ "ถ้าเป็นเด็ก เด็กจะร้องก่อนเข็มจะถูก เมื่อถูกเข็มแทงก็ร้องลั่น พอหมอถอนเข็มออกก็ยังร้องอยู่ เพราะโกรธหมอ นี่คือตัวอย่างที่ยกขึ้นมาเพื่อให้เห็นกลไกของสิ่งที่เรียกว่าความทุกข์" "ความทุกข์ทั้งหลายที่เป็นความทุกข์ทางใจนี้ เป็นเพราะว่าเรามองดูปรากฏการณ์ในชีวิตด้วยความไม่ชัดเจน ทำอย่างไรจะเห็นสภาวะชัดเจน ทำอย่างไรจะรู้ทัน"ขอขอบคุณ คอลัมน์ ร้อยเหลี่ยมพันมุม   โดย วีณา โดมพนานครที่มา http://www.dhammajak.net/dhamma/31.html
1 มกราคม 2557     |      5013
Network Alert / ?ลบและเลือก? 2 วิธีง่ายๆ เพื่อเลี่ยงการถูกแฮกข้อมูลบนเฟซบุ๊ก
“ลบและเลือก” 2 วิธีง่ายๆ เพื่อเลี่ยงการถูกแฮกข้อมูลบนเฟซบุ๊กในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา กระแสความร้อนแรงของเว็บไซต์เครือข่ายสังคมยอดนิยมอย่างเฟซบุ๊ก มีตัวเลขเพิ่มสูงขึ้นถึง 320.5% เมื่อเทียบกับปี 2009 แม้จะมีความคิดเห็นออกมามากมาย เกี่ยวกับประโยชน์ที่ผู้ใช้จะได้รับจากการใช้งานเฟซบุ๊ก แต่ตามความเป็นจริง หากผู้ใช้งานไม่ระมัดระวัง สิ่งเหล่านี้ก็จะเป็นเหมือนดาบสองคมที่สร้างภัยอันตรายต่อผู้ใช้ได้เช่นกัน มาดูวิธีง่ายๆเพื่อเลี่ยงการถูกแฮกข้อมูลบนเฟซบุ๊กกันเลยอ่านต่อคลิก
5 กุมภาพันธ์ 2554     |      3391
IT New Update / "ไฟร์ฟ็อกซ์ขึ้นแท่น"แชมป์"ในยุโรป"
คลื่นลูกใหม่แทนที่คลื่นลูกเก่า ล่าสุดไฟร์ฟ็อกซ์ (Firefox)        ซอฟต์แวร์เปิดเว็บไซต์ดาวรุ่งของมูลนิธิมอสซิลาสามารถเขี่ยแชมป์เก่าจากไมโครซอฟท์อย่างไออี (Internet Explorer) ได้สำเร็จ ขึ้นแท่นเป็นเจ้าเว็บเบราว์เซอร์ยอดนิยมในยุโรปได้อย่างเป็นทางการ ข้อมูลจากบริษัทวิจัย StatCounter ชี้ว่าตลอดเดือนธันวาคม 2553 ที่ผ่านมา ปริมาณการใช้ไฟร์ฟ็อกซ์ในพื้นที่แถบยุโรปนั้นคิดเป็นสัดส่วน 38.11% เหนือกว่าไออีที่มีสัดส่วนราว 37.52% ถือเป็นครั้งแรกที่ไออีมีส่วนแบ่งการใช้งานที่น้อยกว่า        ซีอีโอ StatCounter นาม Aodhan Cullen เรียกสิ่งที่เกิดขึ้นว่าเป็นครั้งแรกที่ไออีถูกคู่แข่งเขี่ยกระเด็นออกจากบัลลังก์ โดยวิเคราะห์ว่าปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ไออีอ่อนกำลังลงเป็นเพราะแรงเสริมจากโครม (Chrome) เว็บเบราว์เซอร์จากกูเกิล ที่สามารถขโมยส่วนแบ่งจากไออีไปได้ส่วนหนึ่ง ทำให้ไฟร์ฟ็อกซ์สามารถแซงหน้าไออีได้ง่ายขึ้นทั้งที่ส่วนแบ่งการใช้งานไฟร์ฟ็อกซ์ไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างผิดหูผิดตา สำหรับอีกปัจจัยหนึ่ง StatCounter วิเคราะห์ว่าเป็นเพราะข้อตกลงระหว่างคณะกรรมาธิการยุโรปกับไมโครซอฟท์ ในการเสนอทางเลือกให้ผู้บริโภคสามารถเลือกใช้เบราว์เซอร์ได้อย่างเสรี ซึ่งมีผลตั้งแต่เดือนมีนาคม 2553        โครมนั้นสามารถครองตลาดส่วนแบ่งเว็บเบราว์เซอร์ยอดนิยมอันดับ 3 ในตลาดยุโรป สถิติคือ 14.58% เพิ่มขึ้นจาก 5.06% ในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว StatCounter ระบุว่ารวบรวมสถิติเหล่านี้มาจากการใช้งาน 15,000 ล้านเพจวิวต่อเดือนของประชากรยุโรปในเดือนธันวาคม (4,900 ล้านเพจวิวมาจากพื้นที่อเมริกาเหนือ) ทั้งหมดเป็นการรวบรวมโดย StatCounter Global Stats ซึ่งเป็นชุดเครื่องมือเพื่อการวิจัยที่ StatCounter พัฒนาขึ้นเองขอบขอบคุณ ASTVผู้จัดการที่มา http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9540000003914
1 มกราคม 2557     |      3697
Network Alert / แอนดรอยด์อันตรายกว่าไอโฟน
เทรนด์ไมโคร ผู้ผลิตซอฟต์แวร์แอนติไวรัสชื่อดังเผย ระบบปฏิบัติการสำหรับสมาร์ทโฟนอนาคตไกลอย่างแอนดรอยด์นั้นมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัยมากกว่าไอโฟน โดยแอนดรอยด์มีความเสี่ยงต่อการถูกเจาะระบบและไวรัสมากกว่าแพลตฟอร์มของแอปเปิล เชื่อในอนาคต ผู้ใช้แอนดรอยด์จะหาซื้อหาซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสมาใช้มากกว่ากลุ่มผู้ใช้ไอโฟน        สตีฟ ชาง (Steve Chang) ประธานบริษัทเทรนด์ไมโคร ให้สัมภาษณ์ที่กรุงไทเป เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจการรักษาความปลอดภัยดิจิตอลในอุปกรณ์สมาร์ทโฟน โดยกล่าวว่า ความเป็นระบบเปิดของแอนดรอยด์มีส่วนทำให้นักเจาะระบบสามารถทำความเข้าใจสถาปัตยกรรมแพลตฟอร์มและชุดคำสั่งได้อย่างละเอียด ทำให้แอนดรอยด์มีความเสี่ยงถูกคุกคามโดยไวรัสสูง ต่างจากแพลตฟอร์มไอโฟน        "เราต้องให้เครดิตแอปเปิล เพราะแอปเปิลระมัดระวังตรงนี้มาก ทำให้ไม่มีความเป็นไปได้เลยสำหรับการแพร่กระจายของไวรัสคอมพิวเตอร์"        คำว่าระบบเปิดของแอนดรอยด์ที่ชางพูดถึง คือการที่ยักษ์ใหญ่เสิร์ชเอนจิ้นอย่างกูเกิลเปิดเสรีให้นักพัฒนาทั่วโลกร่วมกันพัฒนาชุดคำสั่ง เพื่อให้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนสามารถนำแอนดรอยด์ไปใช้งานได้ฟรี ตรงกันข้ามกับแอปเปิลที่ซุ่มพัฒนาเอง และกำหนดให้แอปพลิเคชันทุกชิ้นต้องถูกตรวจสอบและอนุมัติก่อน จึงจะมีสิทธิ์เปิดให้ดาวน์โหลดบนร้านออนไลน์จุดนี้ทำให้ชางเชื่อว่าผู้ใช้แอนดรอยด์จะซื้อซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสมากกว่าแพลตฟอร์มอื่น       "สมาร์ทโฟนคือคอมพิวเตอร์พีซียุคหน้า และเมื่อสมาร์ทโฟนเริ่มนำมาใช้ในวงการธุรกิจ อุบัติเหตุเรื่องข้อมูลสูญหายจะเป็นปัญหาใหญ่ที่น่าเป็นห่วง"        เทรนด์ไมโครเชื่อในแนวคิดนี้จนออกผลิตภัณฑ์ชื่อ Mobile Security for Android แอปพลิเคชันล่าสุดซึ่งสร้างมาเพื่อให้ผู้ใช้อุปกรณ์แอนดรอยด์ติดตั้งในเครื่องเพื่อป้องกันการติดไวรัส โปรแกรมร้าย และสายโทร.เข้าที่ไม่ต้องการ สนนราคา 3.99 เหรียญ คาดว่าจะได้รับแรงสนับสนุนจากผู้ใช้อุปกรณ์แอนดรอยด์ที่เชื่อว่าจะมีจำนวนถึง 250 ล้านเครื่องในปี 2014 (ข้อมูลจาก Gartner)        ภัยคุกคามเดียวที่น่าเป็นห่วงสำหรับไอโฟน เทรนด์ไมโครมองว่าคือการล่อลวงที่ใช้เหตุการณ์ทางสังคมเป็นเครื่องบังหน้า เช่นการใช้ข่าวหรือบุคคลที่เป็นกระแสเพื่อดึงความสนใจผู้บริโภค ซึ่งก็เชื่อกันว่าจะไม่ส่งผลในวงกว้าง ข้อมูลล่าสุดชี้ว่า สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์มีสัดส่วนการใช้งานราว 26% ในตลาดโลกช่วงไตรมาส 3 ของปี 2010 ที่ผ่านมา ตามหลังซิมเบียน (Symbian) แต่นำหน้าไอโอเอส (iOS) ซึ่งมีสัดส่วน 17% คาดว่าปี 2014 สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์จะมีจำนวน 259 ล้านเครื่อง หรือประมาณ 29.6% ของตลาดรวม เป็นรองซิมเบียนที่เชื่อว่าจะมีสัดส่วน 30.2% แซงไอโอเอสซึ่งคาดว่าจะมีส่วนแบ่งตลาดลดลงเหลือ 15%ขอขอบคุณ ASTV ผู้จัดการ , Trend Microที่มา http://www.manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9540000004400
1 มกราคม 2557     |      3873
ทั้งหมด 12 หน้า