งานระบบเครือข่ายและบริการอินเทอร์เน็ต
Networking Systems and Internet Services
ธรรมะจรรโลงใจ / "รักษาใจ กับการข่มใจ"
วันนี้จะบรรยายธรรม อนุสาวรีย์ของสมเด็จพระบรมศาสดา แสดงความเคารพต่อพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ซึ่งเป็นหลักแห่งพระศาสนาที่นับถือของตน คนเราจะต้องมีพระศาสนาเป็นเครื่องจูงใจ จึงจะทำความรู้และความประพฤติของตนให้ประกอบด้วยประโยชน์ การนับถือพระศาสนาต้องเคารพนับถือพระพุทธเจ้าผู้เป็นเจ้าของ ประพฤติตามธรรมคำสั่งสอนของพระองค์ นับถือพระสงฆ์เป็นผู้ปกครองรักษา เช่นเดียวกับอาณาจักร อย่างพวกทหารเคารพนับถือสมเด็จพระมหากษัตริย์ และประพฤติตามวินัยที่ทรงบัญญัติ สำหรับหมู่คณะของตนไม่ฝ่าฝืน นับถือนายที่เป็นผู้ใหญ่เหนือตน อันได้รับการศึกษาคุ้นเคยในกิจการ ซึ่งสมเด็จพระมหากษัตริย์ทรงวางพระทัย แต่งตั้งให้เป็นผู้บังคับบัญชา ฉะนั้นพระศาสนา ปฏิบัติให้ถูกทางแล้ว ย่อมสำเร็จประโยชน์แก่บุคคลทุกจำพวก แม้พวกข้าราชการทหารก็ต้องยึดธรรมเป็นหลัก จึงจะนับว่าเป็นทหารที่ดี ธรรมที่ทหารควรยึดถือเป็นหลักนั้น จะยกขึ้นกล่าวในที่นี้ ๒ ประการคือ ๑ ความรักษาใจ ๒. ความข่มใจ ธรรม ๒ ประการนี้เป็นของสำคัญ เพราะใจเป็นเครื่องกระทบอยู่รอบข้าง ถ้าไม่มีธรรมกำกับอยู่ด้วย มักจะเพลิดเพลินไปในอารมณ์ที่ล่อให้มัวเมา และสะดุ้งหวาดหวั่น ด้วยอำนาจอารมณ์ที่ขู่ให้ตกใจ เมื่อใจแชเชือนไปเช่นนั้น การพูดการทำก็ย่อมเชือนไปตามกัน เมื่อความประพฤติเสีย แม้จะมีวิทยาความรู้สักเพียงไร ก็ไม่เป็นประโยชน์ กลับจะใช้ความรู้ในทางที่ผิด เป็นดังนี้ ก็ด้วยอำนาจความคิดอันวิปริต สมดังสุภาษิตโบราณท่านกล่าวไว้ว่า ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด ข้อนี้ ต้องจำใส่ใจไว้ที่มา http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=11263
4 พฤษภาคม 2554     |      3763
ธรรมจรรโลงใจ "ผู้ปฏิบัติธรรมคือผู้มีบุญสูงสุด"
ผู้เกิดมาพบพระพุทธศาสนาเป็นผู้มีบุญอย่างยิ่ง แต่ผู้ปฏิบัติพระพุทธศาสนา คือปฏิบัติให้จริงตามที่สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนเป็นผู้มี บุญสูงสุด พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่ประเสริฐสุด ไม่มีที่เปรียบได้ เพราะพระพุทธศาสนาเท่านั้นที่จะพาไปให้รู้จักพลังพิเศษ คือ ความคิดที่สามารถทำลายความทุกข์ได้ ตั้งแต่ทุกข์น้อย จนถึงทุกข์ทั้งปวง จนถึงเป็นผู้ไกลทุกข์สิ้นเชิง ไม่มีเวลากลับมาให้เป็นทุกข์อีกเลยตลอดไป ผู้มีพลังพิเศษพาหนีทุกข์ได้ พาดับทุกข์ได้ พาพ้นทุกข์ได้ คือผู้มีความคิดพิเศษ และความคิดพิเศษนี้เกิดได้จากความรู้จักปฏิบัติพระพุทธศาสนาเท่านั้น พลัง แห่งความคิดพิเศษ หรือความคิดพิเศษนั่นเอง ที่เป็นผู้ช่วยยิ่งใหญ่ พร้อมที่จะช่วยทุกคนที่รู้ค่าของความพิเศษ ที่ยอมรับยอมเชื่อ ว่าความคิดพิเศษนั้นมีอำนาจใหญ่ยิ่งจริง อาจพาให้พ้นทุกข์ได้จริง ทั้งทุกข์น้อยทุกข์ใหญ่ จนถึงทุกข์สิ้นเชิง จะทุกข์หรือไม่ทุกข์ อยู่ที่ความคิดของตนเองนี้เป็นสัจจะ คือเป็นความจริงแท้ ไม่ว่าผู้ใดจะเชื่อหรือจะไม่เชื่อก็ตาม ก็เป็นความจริง ผู้ใดจะทุกข์หรือไม่ทุกข์ อยู่ที่ความคิดของผู้นั้น ไม่มีผู้ใดที่ไม่ปรารถนาความไม่มีทุกข์ ทุกคนล้วนปรารถนาความไม่มีทุกข์ แต่ไม่ทุกคนที่ยอมรับความจริง ว่าการที่หนีความทุกข์ไม่พ้นนั้นเป็นเพราะคิดไม่เป็น ถ้าคิดให้เป็นจะไม่มีความทุกข์ใดใกล้กรายได้เลย เพราะความคิดนั้นแหละคือกำลังสำคัญที่สามารถทำไม่ให้ทุกข์เกิดได้ ความคิดไม่เป็น หรือความคิดไม่ถูก ของตนเองเท่านั้น ที่ทำให้ความทุกข์กลุ้มรุมใจตน ไม่มีการกระทำคำพูดของผู้ใดอื่นจะอาจทำให้ความทุกข์กลุ้มรุมใจใคร ถ้าใครนั้นเป็นผู้รู้จักคิดให้เป็น รู้จักคิดให้ถูก ความคิดจึงสำคัญนัก ความคิดจึงมีพลังนัก มีอิทธิพลนัก ต่อชีวิตจิตใจผู้คนทั้งปวง ไม่ เลือกชาติชั้นวรรณะ ไม่เลือกสูงต่ำ ร่ำรวยหรือยากดีมีจนเพียงใดก็ตาม ผู้ปรารถนาความเบิกบานสำราญใจไม่เศร้าหมองร้อนรนด้วยความทุกข์ พึงเห็นความสำคัญของความคิดให้มาก เห็นให้จริงใจว่า ความคิดของใครก็ตามที่ถูกต้องเป็นธรรมจะนำไปสู่ความเบิกบานสบายใจแน่นอน สมดังที่ปรารถนาอยู่ทุกเวลานาที ที่มา: บทพระนิพนธ์โดย สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก, หนังสือ “แสงส่องใจ” วัดบวรนิเวศวิหาร ๓ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๓๗
4 พฤษภาคม 2554     |      3217
ธรรมะจรรโลงใจ / "คาถาชินบัญชร"
ในการสวด คาถาชินบัญชร เพื่อให้เกิดอานุภาพยิ่งๆ ขึ้น ก่อนจะเจริญภาวนา จึงขอให้ตั้งนะโม 3 จบ และน้อมจิตระลึกถึงคุณพระคุณสมเด็จโต ด้วยคำบูชาดังนี้ ปุตตะกาโมละเภปุตตัง อัตถิกาเยกายะ ญายะ อิติปิโสภะคะวา ยะมะราชาโน มรณังสุขัง อะระหังสุคะโต ธะนะกาโมละเภธะนัง เทวานังปิยะตังสุตตะวา ท้าวเวสสุวัณโณ นะโมพุทธายะพระคาถาชินบัญชร๑.ชะยา สะนา กะตา พุทธา จะตุ สัจจา สะภัง ระสังเชตะวา มารัง สะวา หะนัง เย ปิวิงสุ นะรา สะภาพระ พุทธเจ้าและพระนราสภาทั้งหลาย ผู้ประทับนั่งแล้วบนชัยบัลลังก์ ทรงพิชิตพระยามาราธิราชผู้พรั่งพร้อมด้วยเสนาราชพาหนะแล้ว เสวยอมตรสคือ อริยสัจธรรมทั้งสี่ประการ เป็นผู้นำสรรพสัตว์ให้ข้ามพ้นจากกิเลสและกองทุกข์ ๒.ตัณหังกะราทะโย พุทธา สัพเพ ปะติฏฐิตา มัยหังอัฏฐะวีสะติ นา ยะกา มัตถะเก เต มุนิส สะรามี ๒๘ พระองค์ คือ พระผู้ทรงนามว่า ตันหังกร เป็นอาทิ พระพุทธเจ้าจอมมุนีทั้งหมดนั้น ๓.สีเส ปะติฏฐิโต มัยหัง สังโฆ ปะติฏฐิโต มัยหังพุทโธ ธัมโม ทะวิโล จะเน อุเร สัพพะคุณา กะโรข้า พระพุทธเจ้าขออัญเชิญมาประดิษฐานเหนือเศียรเกล้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประดิษฐานอยู่บนศรีษะ พระธรรมอยู่ที่ดวงตาทั้งสอง พระสงฆ์ผู้เป็นอากรบ่อเกิดแห่งสรรพคุณอยู่ที่อก ๔.หะทะเย เม อะนุรุทโธ โกณฑัญโญ ปิฏฐิภา คัสสะมิงสารีปุตโต จะ ทักขิเณ โมคคัลลาโน จะวา มะเกพระอนุรุทธะอยู่ที่ใจ พระสารีบุตรอยู่เบื้องขวา พระโมคคัลลาน์อยู่เบื้องซ้าย พระอัญญาโกณฑัญญะอยู่เบื้องหลัง ๕.ทักขิเณ สะวะเน มัยหัง กัสสะโป จะมะหา นาโมอาสุง อานันทะราหุโล อุภาสุง วามะโส ตะเกพระอานนท์กับพระราหุลอยู่หูขวา พระกัสสปะกับพระมหานามะอยู่ที่หูซ้าย ๖.เกสะโต ปิฏฐิภา คัสสะมิง นิสินโน สิริสัม ปันโนสุริโย วะ ปะภัง กะโร โสภีโต มุนิปุง คะโวมุนีผู้ประเสริฐ คือ พระโสภิตะผู้สมบูรณ์ด้วยสิริดังพระอาทิตย์ส่องแสง อยู่ที่ทุกเส้นขน ตลอดร่างทั้งข้างหน้าและข้างหลัง ๗.กุมาระกัสสะโป เถโร โส มัยหัง วะทะเน นิจจังมะเหสี จิตตะวา ทะโก ปะติฏฐาสิ คุณา กะโรพระเถระกุมาระกัสสปะผู้แสวงบุญทรงคุณอันวิเศษ มีวาทะอันวิจิตรไพเราะอยู่ปากประจำ ๘.ปุณโณ อังคุลิมาโร จะ เถรา ปัญจะอิเม ชาตาอุปาลี นันทะสี วะลี นะลาเต ติละกา มะมะพระปุณณะ พระอังคุลิมาล พระอุบาลี พระนันทะ และพระสีวลี พระเถระทั้ง ๕ นี้ จงปรากฏเกิดเป็นกระแจะจุณเจิมที่หน้าผาก ๙.เสสา สีติ มะหาเถรา เอเตสีติ มะหาเถรา ชะลันตา สีละเต เชนะวิชิตา ชินะสา วะกา ชิตะวันโต ชิโน ระสา อังคะมังเค สุสัณ ฐิตาส่วน พระอสีติมหาเถระที่เหลือ ผู้มีชัยและเป็นพระโอรสเป็นพระสาวกของพระพุทธเจ้าผู้ทรงชัย แต่ละองค์ล้วนรุ่งโรจน์ด้วยเดชแห่งศีลให้ดำรงอยู่ทั่วอวัยวะน้อยใหญ่ ๑๐.ระตะนัง ปุระโต อาสิ ธะชัคคัง ปัจฉะโต อาสิทักขิเณ เมตตะสุต ตะกัง วาเม อังคุลิมา ละกังพระรัตนสูตรอยู่เบื้องหน้า พระเมตตาสูตรอยู่เบื้องขวา พระอังคุลิมาลปริตรอยู่เบื้องซ้าย พระธชัคคสูตรอยู่เบื้องหลัง ๑๑.ขันธะโม ระปะริตัญ จะ อากาเส ฉะทะนัง อาสิ อาฏานาฏิยะสุต ตะกัง เสสา ปาการะ สัณฐิตา พระขันธปริตร พระโมรปริตร และพระอาฏานาฏิยสูตรเป็นเครื่องกางกั้นดุจหลังคาอยู่บนนภากาศ ๑๒.ชินานา นาวะระสัง ยุตตา วาตะปิตตาทิสัญ ชาตาสัตตัปปาการะลัง กะตา พาหิรัช ฌัตตุปัท ทะวาอนึ่ง พระชินเจ้าทั้งหลาย นอกจากที่ได้กล่าวมาแล้วนี้ ผู้ประกอบพร้อมด้วยกำลังนานาชนิด มีศีลาทิคุณอันมั่นคง คือ สัตตะปราการเป็นอาภรณ์มาตั้งล้อมเป็นกำแพงคุ้มครองเจ็ดชั้น ๑๓.อะเสสา วินะยัง ยันตุ วะสะโต เม สะกิจเจ นะอะนันตะ ชินะเต ชะสา สะทา สัมพุทธะปัญชะเรด้วย เดชานุภาพแห่งพระอนันตชินเจ้า ไม่ว่าจะทำกิจการใดๆ เมื่อข้าพระพุทธเจ้าเข้าอาศัยอยู่ในพระบัญชรแวดวงกรงล้อมแห่งพระสัมมา สัมพุทธเจ้า ขอโรคอุปัทวทุกข์ทั้งภายนอกและภายใน อันเกิดแต่โรคร้าย คือ โรคลมและโรคดีเป็นต้น เป็นสมุฏฐาน จงกำจัดให้พินาศอย่าให้เหลือ ๑๔.ชินะ ปัญชะระ มัชฌัมหิ สะทา ปาเลนตุมัง สัพเพวิหะรันตัง มะหิี ตะเล เต มะหาปุริสา สะภาขอ พระมหาบุรุษ ผู้ทรงพระคุณอันล้ำเลิศทั้งปวงนั้น จงอภิบาลข้าพระพุทธเจ้า ผู้อยู่ในภาคพื้น ท่ามกลางพระชินบัญชร ข้าพระพุทธเจ้าได้รับการคุ้มครองปกปักรักษาภายในเป็นอันดี ฉะนี้แล ๑๕.อิจเจวะมันโต สุคุตโต สุรักโข ธัมมานุภาเวนะ ชิตา ริสังโฆ สัทธัมมานุภาวะ ปาลิโตชินานุภาเวนะ ชิตุปัททะโว สังฆานุภาเวนะ ชิตันตะ ราโย จะรามิ ชินะ ปัญชะเรติ ฯข้า พระพุทธเจ้าได้รับการอภิบาลด้วยคุณานุภาพแห่งสัทธรรม จึงชนะเสียได้ซึ่งอุปัทวอันตรายใดๆ ด้วยอานุภาพแห่งพระชินะพุทธเจ้า ชนะข้าศึกศัตรูด้วยอานุภาพแห่งพระธรรม ชนะอันตรายทั้งปวงด้วยอานุภาพแห่งพระสงฆ์ ขอข้าพระพุทธเจ้าจงได้ปฏิบัติ และรักษาดำเนินไปโดยสวัสดีเป็นนิจนิรันดรเทอญฯ
1 มกราคม 2557     |      3640
ธรรมะจรรโลงใจ / "วันสำคัญทางพระพุธศาสนา"
วันสำคัญในพระพุทธศาสนา เป็นวันที่มีเหตุการณ์ที่สำคัญ อันเนื่องด้วยพระรัตนตรัย คือพระพุทธเจ้า พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า และพระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้า เหตุการณ์ที่สำคัญดังกล่าว เป็นประโยชน์เกื้อกูลแก่พุทธศาสนิกชนทุกหมู่เหล่าคือบริษัทสี่อันได้แก่ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก และอุบาสิกา ให้น้อมรำลึกถึงคุณของพระรัตนตรัยในหลักที่สำคัญ เพื่อนำไปประพฤติปฏิบัติ เพื่อจรรโลงให้พระพุทธศาสนา ดำรงคงอยู่สถิตสถาพร เป็นคุณประโยชน์อันยิ่งใหญ่แก่ตนเองและแก่สัตว์โลกทั้งปวง ซึ่งมิใช่จำกัดอยู่เพียงมนุษยชาติเท่านั้น วันสำคัญในพระพุทธศาสนา ตามลำดับความสำคัญ และตามลำดับเวลาที่เกิดขึ้นคือ วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา วันมาฆบูชา วันเข้าพรรษา และออกพรรษา
1 มกราคม 2557     |      4106
ธรรมะจรรโลงใจ / "ธรรมะสอนใจ"
ธรรมะเย็นใจ : สอนใจตัวเองก่อนเมื่อเราเป็นผู้ใหญ่  เป็นครู  เป็นพ่อแม่มีลูกน้อง มีลูกศิษย์ มีลูกสมมติว่าเราเป็นพ่อแม่มีลูกเมื่อลูกทำผิดจริง ๆ แล้วเราโกรธ ใจร้อน อย่าเพิ่งสอนลูกสอนใจตัวเองให้ระงับอารมณ์ร้อน ให้ใจเย็น ใจดีมีเมตตาก่อน จนรู้สึกมั่นใจว่าใจเราพร้อมแล้วและดูว่าลูกพร้อมที่จะรับฟังไหม ถ้าเราพร้อมแต่ลูกยังไม่พร้อม ก็ยังไม่ต้องพูด เพราะไม่เกิดประโยชน์เราพร้อมที่จะสอน เขาพร้อมที่จะฟังจึงจะเกิดประโยชน์เป็นการสอนถ้าเราสังเกตุดู บางครั้งใจเรารู้สึกเหมือนอยากจะสอนแต่ความเป็ฯจริงแล้วเราเพียงอยากระบายอารมณ์ของเราสิ่งที่เราพูดแม้เป็นเรื่องจริง แต่ก็แฝงด้วยความโกรธเพราะยังเป็นความใจร้อน มีตัณหาถ้าใจเราโกรธ พูดเหมือนกัน พูดคำเดียวกัน นั่นคือโกรธถ้าใจเราดี ใจเขาดี คำพูดของเราเป็นประโยชน์ นั่นคือสอนเมื่อเราอยู่ในสังคม สิ่งที่ต้องระวังคือ หากเห็นใครทำผิดอย่ายึดมั่นถือมั่นในความรู้สึกและความคิดของตนอย่ายินดี อย่ายินร้าย ใจเย็น ๆ  ไว้ก่อนพยายามอบรมใจตนเองว่าธรรมชาติของคนเรา มักจะมองข้ามความผิดของตนเองชอบจับผิดแต่คนอื่นมองเห็นความผิดของคนอื่นเหมือนภูเขาเห็นความผิดตนเท่ารูเข็มตดคนอื่นเหม็นเหลือทนตดตนเองเหม็นไม่เป็นไรปากคนอื่นเหม็นเหลือทนปากของตนเหม็นไม่รู้สึกอะไรเรามักทุ่มใจ ไปอยู่ที่ความรู้สึกนึกคิดของตนเองอย่าเชื่อความรู้สึก อย่าเชื่ออารมณ์ อย่ายินดี ยินร้ายพยายามรักษาใจเย็น  ใจดี ใจกลาง ๆปกติเราทำผิดเหมือนกัน เท่ากัน หรืออาจจะมากกว่าเขาแต่ความรู้สึกของเรามักจะมากกว่าเขาและไม่เห็นความผิดของตัวเองเลยน่ากลัวจริง ๆ สังเกตุดู คนที่ขี้บ่น ขี้โมโหว่าคนอื่นทำอะไรไม่ดี ไม่ถูกตัวของเขาเอง คิดดี พูดดี ทำดีไหม....ก็อาจจะไม่เราเองก็เหมือนกัน เมื่อเราเกิดอารมณ์ไม่พอใจอย่าเชื่อความรู้สึกให้ระงับอารมณ์เสีย ทำใจเป็นกลาง ๆ ไว้อย่าเชื่อความรู้สึกอย่าเชื่ออารมณ์อย่ายินดียินร้ายธรรมะของพระอาจารย์มิตซูโอะ  เควสโก วัดสุนันทวนารามบ้านท่าเตียน ตำบลไทรโยค อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรีจากหนังสือเหตุสมควรโกรธ....ไม่มีในโลก
1 มกราคม 2557     |      4324
ธรรมะจรรโลงใจ / "เทคนิคมองโลกในแง่ดี"
เครียด เครียด เครียด ......... เครียด เครียด เครียด ชีวิตประจำวันของคนทำงานทำให้ดัชนีความเครียดของคนไทยพุ่งสูงปรี๊ด ความเครียดทำให้สุขภาพเราแย่ลง ทำให้เราป่วยง่ายขึ้น ที่สำคัญสำหรับสาวๆ เครียดมากๆทำให้หน้าแก่ก่อนวัยได้นะ เมื่อเรารู้สึกเครียดร่างกายเราจะหลั่งฮอร์โมน Adrenaline จากต่อมหมวกไต ถ้าเครียดมากก็หลั่ง Adrenaline มากขึ้นฮอร์โมนความเครียดก็จะไปยับยั้งการทำงานของอวัยวะสำคัญทั้งหมด เช่นหัวใจ ไต ตับ ปอด ทำให้อวัยวะสำคัญของเราเสื่อมลงอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็พร้อมใจกันหยุดทำงานเพราะฮอร์โมนความเครียดไปทำให้ภูมิต้านของร่างกายเราต่ำลง ต่ำลง เรียกว่าโรคเครียดนอกจากทำแก่ง่ายแล้วยังทำให้ถึงตายได้นะเนี่ย - ผ่อนคลายความเครียดด้วยการทำสมาธิ การทำสมาธิถือได้ว่าเป็นการผ่อนคลายความเครียดที่ลึกซึ้งที่สุด สมาธิทำให้จิตใจสงบนิ่ง แต่มีสติ หยุดความคิดที่ฟุ้งซ่าน วิตกกังวล หรืออารมณ์ด้านลบทั้งหลาย เมื่อเราทำสมาธิจะรู้สึกสบายขึ้นเพราะจะมี Hormoneชื่อ Endorphins หลั่งออกมาในขณะที่จิตใจสงบนิ่ง ฮอร์โมน Adrenaline จากต่อมหมวกไต ก็จะหยุดหลั่ง และในขณะนั้นเองเมื่อจิตสงบสมองส่วน Hypothalamus จะสั่งให้เม็ดเลือดขาวแข็งแรงขึ้น ภูมิต้านทานของเราก็จะสร้างเพิ่มขึ้นหลังจากถูกยับยั้งด้วยฮอร์โมนความเครียด การทำสมาธินี้ดีมาก มาก สำหรับคนที่กำลังบำบัดมะเร็งเพราะ เมื่อภูมิต้านทานกระเตื้องขึ้นการกำจัดcell มะเร็งก็จะเป็นไปตามที่ต้องการ - ทำสมาธิแบบไหนดี? การทำสมาธิที่สามารถบำบัดโรคที่เกิดจากความเครียด ความกังวล ไม่ใช่โรคที่เกิดจากเชื้อโรคโดยตรง แต่สามารถรักษาใจที่เป็นทุกข์อันเกิดจากโรคได้ วิธีฝึกสมาธิบำบัดมีหลายวิธี ได้แก่ การนั่งภาวนา เดินจงกรม การแผ่เมตตา การอธิษฐานจิต การฝึกใช้พลังภายในร่างกาย การใช้พลังภายนอก การฝึกเพ่งลูกแก้ว และอย่างน้อยควรทำวันละ 2 ครั้ง ถ้าทำได้ - ท่าที่สบายที่สุด จะนั่งขัดสมาธิหรือจะนอนหงายวางแขนไว้ข้างตัวก็ได้ ให้เป็นท่าที่เรารู้สึกสบายตัวที่สุด แล้วก็เลือกสถานที่ที่เรารู้สึกผ่อนคลาย สบายๆไม่ร้อนไม่หนาวเกินไป อุณหภูมิในห้องสบาย ๆ หลับตาลงจะได้ตัดตัวเองออกจากโลกภายนอก จิตจะได้สงบง่ายขึ้น แล้วเริ่มด้วยการกำหนดลมหายใจโดยสูดหายใจเข้าช้า ๆ ให้ท้องพอง หายใจออกช้า ๆให้ท้องแฟบ สัก 3 ครั้ง ให้สังเกตลมที่ผ่านเข้าออกทางจมูกว่ากระทบถูกอะไรบ้างจากนั้นให้หายใจให้สบาย กำหนดจิตของตนไปรับรู้ลมหายใจเข้าออก โดยไม่ต้องสนใจเสียงรอบข้าง ให้รับรู้เฉย ๆ ถ้าจิตมันจะวอกแวกนึกนั่นนึกนี่ แว่บไปหาเพื่อนคนโน้นคนนี้ นึกห่วงงานที่นั่นที่นี่บ้างก็ดึงสมาธิกลับมาอยู่กับลมหายใจ แรก ๆ อาจทำยากมาก เหมือนเราหัดเดินตั้งไข่ครั้งแรก ล้มบ้าง ลุกบ้างแต่ถ้าพยายามเข้าในที่สุดเราก็จะเดินได้การทำสมาธิก็เช่นกัน ถ้าเราพยายามขยันดึงจิตกลับมาอยู่กับลมหายใจ ทำซ้ำ ๆ สม่ำเสมอ ในที่สุดจิตก็จะเชื่อง และเริ่มนิ่ง เมื่อเข้าถึงสมาธิก็จะได้ความรู้สึกปีติรู้สึกสบายอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน เพราะ ฮอร์โมนEndorphins หลั่งออกมา และ ฮอร์โมนความเครียด Adrenaline ที่ต่อมหมวกไตก็จะหยุดหลั่งออกมา และเมื่อเข้าสมาธิได้แล้วก็ควรทำเป็นประจำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ๆ ละไม่ต่ำกว่า 15 นาที- เทคนิคการฝึกหายใจ โดยปกติแล้วการหายใจด้วยอก ชีพจรจะเต้นเร็ว เหนื่อยง่าย ต้องหายใจถี่ๆแต่ถ้าหายใจด้วยท้องชีพจรจะเต้นช้า ในทางวิทยาศาสตร์เราอธิบายได้ว่าเป็นการกระตุ้นกะบังลม ที่กะบังลมจะมีเส้นประสาทวากัส (Vagus) ซึ่งเส้นประสาทตัวนี้เป็นพาราซิมพาเทติก เป็นเส้นประสาทมีผลต่อการผ่อนคลายของกล้ามเนื้อ เพิ่มการทำงานของลำไส้ เส้นประสาทวากัส (Vagus) จะส่งคลื่นไปที่สมอง ทำให้หลอดเลือดขยาย ความดันเลือดลดลง ชีพจรเต้นช้า หายใจช้า ดังนั้นเราจึงต้องฝึกหายใจลงไปที่ท้องแทน เทคนิคการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ความเครียดทำให้กล้ามเนื้อทุกระบบในร่างกายหดตัว เวลาเครียดเรามักจะทำหน้านิ่วคิ้วขมวด กำหมัด กัดฟัน ทุกครั้งที่รู้สึกเครียด ทำให้กล้ามเนื้อเกร็งตัวเกิดอาการเจ็บปวด เช่น ปวดต้นคอ ปวดหลัง ปวดไหล่ - การฝึกคลายกล้ามเนื้อจะช่วยลดอาการหดเกร็งของกล้ามเนื้อลง เพราะในขณะที่ฝึก จิตใจ ของเราจะจดจ่ออยู่กับการคลายกล้ามเนื้อ ความคิดฟุ้งซ่าน และความวิตกกังวลก็ลดลง ช่วยให้จิตใจจะมีสมาธิมากขึ้นวิธีการฝึก เลือกนั่งในท่าที่สบาย เลือกเสื้อผ้าที่สวมใส่สบาย ถอดรองเท้า หลับตา ทำใจให้ว่าง ตั้งใจจดจ่ออยู่ที่กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ 10 กลุ่ม โดยการปฏิบัติดังนี้คือ1. มือและแขนขวา โดยกำมือ เกร็งแขน แล้วคลาย 2. มือและแขนซ้าย ทำเช่นเดียวกัน 3. หน้าผาก เลิกคิ้วสูงแล้วคลาย ขมวดคิ้วแล้วคลาย 4. ตา แก้ม จมูก ให้หลับตาแน่น ย่นจมูก แล้วคลาย 5. ขากรรไกร ลิ้น ริมฝีปาก โดยกัดฟัน ใช้ลิ้นดันเพดานปากแล้วคลาย เม้มปากแน่นแล้วคลาย 6. คอ โดยก้มหน้าให้คางจรดคอแล้วคลาย เงยหน้าจนสุดแล้วคลาย 7. อก ไหล่ และหลัง โดยหายใจเข้าลึกๆกลั้นไว้ แล้วคลาย ยกไหล่สูงแล้วคลาย 8. หน้าท้องและก้น โดยการแขม่วท้อง แล้วคลาย ขมิบก้นแล้วคลาย 9. เท้าและขาขวา โดยเหยียดขา งอนิ้ว แล้วคลาย เหยียดขา กระดกปลายเท้าแล้วคลาย 10. เท้าและขาซ้าย ทำเช่นเดียวกันข้อแนะนำ ระยะเวลาที่เกร็งกล้ามเนื้อ ให้น้อยกว่าระยะเวลาที่ผ่อนคลาย เช่น เกร็ง 3-5 วินาที ผ่อนคลาย 10-15 วินาที ควรฝึกประมาณ 8-12 ครั้ง เพื่อให้เกิดความชำนาญ เมื่อคุ้นเคยกับการผ่อนคลายแล้ว ให้ฝึกคลายกล้ามเนื้อได้เลยโดยไม่ต้องเกร็งก่อนหรืออาจเลือกคลายกล้ามเนื้อเฉพาะส่วนที่มีปัญหาก็ได้ เช่น บริเวณใบหน้า คอ หลัง ไหล่ เป็นต้น ไม่จำเป็นต้องคลายกล้ามเนื้อทั้งตัวแต่ถ้ามีเวลาทำได้ทั้งหมดก็จะดีมากมากสำหรับตัวคุณเอง - ฝึกสมาธิประจำ แก้ได้หลายโรค หากฝึกสมาธิเป็นประจำ จิตใจก็เบิกบาน สมองแจ่มใส จิตใจเข้มแข็ง อารมณ์เย็น พร้อมตลอดเวลาไม่ว่าจะมีปัญหาอะไรมากระทบ สามารถแก้ปัญหาต่างๆ ด้วยความมั่นใจในตัวเอง เมื่อมีสมาธิที่เข้มแข็ง ปัจจุบันมีการวิจัยและค้นพบข้อดีของการทำสมาธิเช่น ช่วยปรับสภาวะสมดุลของร่างกายให้เป็นปกติ ทำให้อัตราการหายใจและชีพจรช้าลงทำให้คลื่นสมองสงบ กล้ามเนื้อผ่อนคลายตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ระดับฮอร์โมนที่ถูกระตุ้นจากความเครียดลดลง แก้ปัญหานอนไม่หลับได้ถึงร้อยละ 75 และช่วยให้ผู้ที่ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ ใช้ยาแก้ปวดลดลงจาก เดิมร้อยละ 34ช่วยให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งและโรคเอดส์ มีอาการทุกข์ทรมานลดน้อยลงกว่าการรักษาเฉพาะทางทางยา ช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะไมเกรน ความถี่หรือความรุนแรงของอาการจะลดลงร้อยละ 32 และยังพบอีกว่าในการรักษาผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน ผู้ที่มีความเชื่อมั่นในศาสนาจะหายเร็ว กว่า ตรงกันข้ามกับคนที่ไม่นับถือศาสนาอะไรเลย จะมีอัตราการตายมากกว่าผู้นับถือศาสนาถึง 3 เท่าในสหรัฐอเมริกา มีงานวิจัยของมหาวิทยาลัยวิสคอนซิล และมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย พบผลตรงกันว่า ชาวพุทธที่นั่งสมาธิเป็นประจำ สมองในส่วนที่ทำงานเกี่ยวข้องกับอารมณ์ที่ดี และ ความคิดด้านบวกจะทำงานกระฉับกระเฉงกว่า ช่วยผ่อนคลายความเครียด และทำให้สมองส่วนที่เป็นศูนย์กลางความทรงจำด้านร้ายสงบลง และการนั่งสมาธิอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้อารมณ์แปรปรวน ตกใจ เกรี้ยวกราด หรือหวาดกลัวลดลงด้วย แพทย์โรคหัวใจจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้ให้คนไข้โรคหัวใจฝึกสมาธิระหว่างบำบัดด้วยยาไปด้วยและได้ผลเป็นที่น่าพอใจ เพราะทำให้ความดันโลหิตและความเครียดลดลงอย่างมาก ฉะนั้นถ้าอยากมีสุขภาพดี ไม่แก่ง่าย ตายเร็ว ก็ต้องเริ่มการฝึกทำสมาธิและต้องเริ่มทำตั้งแต่เดี๋ยวนี้เลย อย่าได้ผัดผ่อนเด็ดขาดที่มา http://www.dhammajak.net/smati/36.html
1 มกราคม 2557     |      5107
ธรรมะจรรโลงใจ / "เทคนิคมองโลกในแง่ดี"
คนไทยสมัยนี้เครียดกันง่ายจัง วันๆ หนึ่งต้องพบกับความทุกข์ใจ ไม่สบายใจ กังวลใจ กันหลายๆ ครั้ง ไม่เหมือนกับคนไทยสมัยโบราณที่กว่าจะเกิดความเครียดขึ้นมาได้ โน่น..ต้องมีเสือบุกเข้ามากินวัว โจรบุกเข้ามาปล้น ถึงจะเกิดความเครียดกันทีหนึ่ง เรียกว่าวันๆ หนึ่งแทบจะไม่รู้จักความเครียดกันเลย ใบหน้าคนไทยสมัยก่อนจึงมีแต่รอยยิ้ม พวกฝรั่งซึ่งเป็นคนมาจากวัฒนธรรมอื่นมาเห็นเข้าพากันแปลกใจว่าทำไมคนไทยอารมณ์ดีกันจัง ก็เลยตั้งชื่อว่าให้ว่า "สยามเมืองยิ้ม"นอกจากนี้คนไทยยังมีวิธีคิดที่ได้รับอิทธิพลจากพุทธศาสนา ให้รู้จักคิดปล่อยวาง คิดให้สบายใจ ในยามที่ต้องพบกับปัญหาหนักๆ ในชีวิตประจำวัน ซึ่งปัจจุบันนี้ยังเหลือร่องรอยวิธีคิดเหล่านี้อยู่ในนิสัยคนไทยทั่วๆ ไปบ้าง แต่บางคนก็ลืมไปแล้ว หรือคนรุ่นใหม่อาจจะไม่รู้จัก วันนี้เครือข่ายฯจึงขอนำวิธีคิดเหล่านี้นำมาปรับปรุงแก้ไขให้มีความเป็นพุทธ และ ให้มีความทันสมัย เหมาะกับคนยุคปัจจุบันมากขึ้น นำเสนอเป็นเทคนิควิธีคิดมองโลกในแง่ดีสำหรับคนยุคไอที ดังต่อไปนี้ ยามพบอุปสรรคในการทำงานไม่เป็นไร..เอาใหม่ : คำพูดนี้สำคัญมาก เอาไว้ใช้อุทาน เวลาท่านต้องประสบกับปัญหาความล้มเหลวในการทำงานหรือ เจอข้อผิดพลาดอะไรขึ้นมาอย่างไม่คาดฝัน หรือ เวลาเพื่อนร่วมงานทำงานผิดพลาด คำพูดนี้จะเป็นเครื่องปลอบใจและให้กำลังใจได้เป็นอย่างดี คำว่า "ไม่เป็นไร" เป็นคำที่ทำให้จิตใจปล่อยวางจากปัญหา ไม่ถูกบีบคั้นจากปัญหา คำว่า "เอาใหม่" เป็น คำพูดที่ปลุกคุณธรรมข้อ "วิริยะ" แปลว่า เพียรสู้งาน ปลุกใจให้เราคิดสู้ปัญหา ไม่ท้อถอย ยามพบกับเหตุการณ์ร้ายที่ไม่พึงปรารถนาโชคดีนะเนี่ย : ไม่ว่าคุณเจอะเจอกับความทุกข์กายทุกข์ใจอะไรในชีวิตประจำวัน ให้คิดเสียว่าสิ่งเลวร้ายที่เราต้องประสบทุกๆ ครั้ง มันไม่ได้ร้ายกาจจนถึงที่สุดแม้สักอย่างเดียว มันเป็นความ"โชคดี"ของเราจริงๆ ที่ไม่เจอหนักกว่านี้ ยกตัวอย่าง เดินหัวชนเสาหัวปูด อุทานว่า "อูย ! ..โชคดีนะเรา หัวยังไม่แตก" โดนตัดเงินเดือน พูดกับตัวเองว่า "เขาไม่ไล่เราออก ก็บุญแล้ว ถือว่ายังโชคดีนะเนี่ย" ทำกาแฟร้อนๆ หกรดขากางเกง พูดกับตัวเองว่า "เหอ..ๆ โชคดี ที่มันไม่หกรดเป้ากางเกงเรา" ยามมีปัญหากับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเขายังดีนะ : เวลาคุณมีปัญหากับเพื่อนมนุษย์ เช่นเพื่อนร่วมงาน คนข้างบ้าน ฯลฯ เช่น บางคนอาจจะทำงานไม่ถูกใจ บางคนอาจจะทำอะไรผิดใจคุณ หรือ บางคนอาจจะมีเจตนาไม่ดีกับคุณ ให้คิดเช่นเดียวกันว่าสิ่งที่เขาทำนั้นมันก็ยัง ไม่ได้ร้ายกาจถึงที่สุดกับคุณแต่อย่างใด มันยังมีแง่ดีๆ ให้เราคิดถึงเขาอยู่เสมอ ยกตัวอย่าง คนข้างบ้านนินทาเรา เราก็บอกกับตัวเองว่า โอ้... นี่เขายังดีนะที่ไม่ถึงกับมาดักทำร้ายเรา มีคนมาขโมยปากกาที่โต๊ะทำงานเราไป เราก็คิดว่า เจ้าขโมยนี่ยังดี ที่ไม่ยกเครื่องคอมพ์เราไป สาวหักอก เราก็คิดว่า เธอยังดีนะเนี่ย ที่ไม่ควงคู่แข่งมาเย้ยเราให้เจ็บใจหนักไปกว่านี้ เพื่อนร่วมงานเอาเปรียบ เราก็คิดว่า เขาก็ยังดีที่ไม่ใส่ร้ายป้ายสีเราข้างหลัง เทคนิคคิดเมื่อเจอปัญหาต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เอ๊ะ...! ตรงนี้เราได้อะไร : เป็นการตั้งคำถามเพื่อให้จิตตั้งแง่คิดเพื่อมุ่งหาความรู้ทันทีที่ได้พบกับปัญหาต่างๆ ในชีวิตประจำวัน อาทิเช่น นาย ก. เดินตกท่อ ขาแข้งถลอก นาย ก. ทั้งๆ ที่เจ็บปวด กลับตั้งคำถามขึ้นมาในใจว่า เราเดินตกท่อตรงนี้ เราได้อะไร ! เท่านั้นเองคำตอบต่างๆ ก็พรั่งพรูออกมามากมาย อาทิเช่น ก. เราได้ดูแลรักษาตัวเองอีกแล้วดีจัง ไม่ได้ดูแลตัวเองมานาน ข. เราได้บทเรียนซาบซึ้งกับคำว่า "อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน จะจนใจเอง" (เคยเดินมาดีๆ ทุกวัน วันนี้ใครกันดันมาเปิดฝาท่อ) ค. มันทำให้เราได้ไอเดียเกี่ยวการทาแถบสีสะท้อนแสงตรงขอบท่อ เพื่อคนจะได้สังเกตเห็นได้แต่ไกลๆ วิธีคิดเช่นนี้จะทำให้เรารู้สึกเลยว่า ชีวิตนี้มีแต่ได้ ไม่มีเสีย คือ แม้ว่าเราจะพบกับสิ่งที่ไม่น่าพึงปรารถนาก็ตาม แต่ถ้าหากว่าเรารู้จักตั้งคำถามเช่นนี้เป็นนิสัย เราก็จะได้สิ่งที่ดีๆ มากมายจนบางครั้งเราอาจจะต้องนึกขอบคุณที่ได้เจอกับปัญหาบ่อยๆ เลยทีเดียว ที่มา http://www.budpage.com/
1 มกราคม 2557     |      15867
IT New Update / "เปิดตัว IE9"
ไมโครซอฟท์ (Microsoft) ประกาศความสำเร็จของโปรแกรมเว็บเบราว์เซอร์ใหม่ล่าสุด IE9 หรือ Internet Explorer 9 ระบุว่ามียอดดาวน์โหลดใน 24 ชั่วโมงแรกมากกว่า 2.35 ล้านครั้ง นับตั้งแต่เปิดให้นักท่องเน็ตทั่วโลกดาวน์โหลดอย่างเป็นทางการเมื่อวันจันทร์ที่ 14 มีนาคมที่ผ่านมา        สถิติการดาวน์โหลดโปรแกรมเว็บเบราว์เซอร์ของไมโครซอฟท์ถูกเปิดเผยในบล็อก Exploring IE Blog ของไมโครซอฟท์ โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่า IE9 ถูกดาวน์โหลดไปมากกว่า 27 ครั้งต่อวินาที คิดเป็น 98,000 ครั้งต่อชั่วโมง ซึ่งตัวเลขดาวน์โหลด 2.35 ล้านครั้งนั้นถือว่าดีมากสำหรับไมโครซอฟท์ เพราะเวอร์ชันทดลองก่อนหน้านี้ถูกดาวน์โหลดไปเพียง 1 ล้านครั้งเท่านั้น        แม้ไรอัน กาวิน (Ryan Gavin) ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายธุรกิจอินเทอร์เน็ตเอ็กซ์พลอเรอร์แสดงความเห็นในบล็อกว่าทีมไมโครซอฟท์ทุกคนขอขอบคุณผู้ดาวน์โหลดทุกคนที่ให้การต้อนรับที่อบอุ่น แต่สื่ออเมริกันกลับมองว่าไมโครซอฟท์ไม่ได้รับการตอบรับที่อบอุ่นเท่าใดนัก เนื่องจากโปรแกรมคู่แข่งอย่าง Firefox 3.0 ซึ่งเปิดให้ดาวน์โหลดเมื่อปี 2010 สามารถทำยอดดาวน์โหลดได้สูงถึง 8 ล้านครั้งใน 24 ชั่วโมงแรก        โปรแกรมเว็บเบราว์เซอร์นั้นเป็นโปรแกรมสำหรับเปิดเว็บไซต์ โดย Internet Explorer 9 เป็นโปรแกรมล่าสุดที่ไมโครซอฟท์พัฒนาขึ้นและเปิดให้ประชากรออนไลน์สามารถดาวน์โหลดไปใช้งานได้ฟรี ไออีเวอร์ชัน 9 ได้รับการการันตีว่ามีการพัฒนาให้รองรับ HTML5 มากขึ้น มีการปรับปรุง UI หรือส่วนติดต่อผู้ใช้ที่โปร่งและดูสะอาดตามากขึ้น รวมถึงคุณสมบัติใหม่เพื่อให้ผู้ใช้ป้องกันตัวเองจากการสอดแนมออนไลน์ เปิดให้ดาวน์โหลดอย่างเป็นทางการแล้วที่ BeautyoftheWeb.com อนาคตสดใสของ IE 9 จะยังต้องลุ้นว่าไมโครซอฟท์จะสามารถชนกับ Firefox ได้เด็ดขาดเพียงไร โดยล่าสุด Firefox 4 เวอร์ชันเต็มนั้นมีกำหนดเปิดให้ดาวน์โหลดในวันที่ 22 มีนาคมนี้        อย่างไรก็ตาม การสำรวจล่าสุดในเดือนมกราคมปี 2011 พบว่า เว็บเบราว์เซอร์ที่มีส่วนแบ่งลดลงอย่างต่อเนื่องตอนนี้คือ Firefox โดยบริษัทวิจัย Net Applications ระบุว่า IE มีส่วนแบ่งตลาดที่ 56% ลดลงจากเดือนธันวาคมปี 2010 ที่มีอยู่ 57% แต่มีแววจะเพิ่มขึ้นเป็น 56.77% ในเดือนกุมภาพันธ์ 2011 ขณะที่ Firefox มีอยู่ 22% และ Chrome สามารถทำได้เพิ่มขึ้นเป็น 10%ขอขอบคุณ  ASTV ผู้จัดการที่มา http://www.manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9540000034187
1 มกราคม 2557     |      14589
วิธีง่ายๆ ในการแบคอัปข้อมูล Gmail ลงคอมพิวเตอร์
เมื่อเดือนที่ผ่านมา มีข่าวกรณีที่ผู้ใช้งานบริการอีเมล Gmail กว่า 100,000 ราย ได้รับความเดือดร้อน หลังจากอีเมลและบันทึกการสนทนาใน Google Chat สูญหายไปจากระบบ จนไม่สามารถย้อนดูอีเมลเก่าย้อนหลังได้ ซึ่งก็สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้ใช้ไม่น้อย แม้ตอนนี้จะยังไม่มีแถลงการณ์ใดๆ ออกมาจากกูเกิล เกี่ยวกับความคืบหน้าในการกู้คืนข้อมูลที่หายไปของผู้ใช้บริการนับแสนราย แต่อย่างน้อยถ้าเราสามารถแบคอัปข้อมูลในอีเมลเองได้ ก็จะช่วยให้ผู้ใช้งานอีเมลมั่นใจได้ว่าข้อมูลอันมีค่าที่อยู่ในอีเมล ยังถูกเก็บไว้เป็นอย่างดีในคอมพิวเตอร์ของคุณเอง หากระบบเกิดมีปัญหาอีกครั้ง ก็สามารถกู้คืนข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ได้ด้วยตัวเอง ขอเสนอวิธีง่ายๆ ในการแบคอัปข้อมูลให้กับอีเมล Gmail ของคุณ 1. ดาวน์โหลดโปรแกรม Gmail Backup จากเว็บไซต์ http://tiny.cc/zbuhn และติดตั้งไฟล์ลงบนเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ 2. พิมพ์ User Name (ชื่ออีเมล) ของจีเมล พาสเวิร์ด รวมถึงกำหนด Directory ที่ต้องการเก็บไฟล์แบคอัป แล้วกด "Backup" ที่ด้านล่างซ้ายมือของโปรแกรม ระบบจะทำการแบคอัปข้อมูลทั้งหมดในอีเมล์ของคุณลงคอมพิวเตอร์ เมื่อเกิดปัญหาข้อมูลสูญหาย ก็สามารถเปิดโปรแกรม Gmail Backup แล้วกด "Restore" เพื่อดึงข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ไปยังเมล์ของคุณขอขอบคุณ ASTV ผู้จัดการที่มา http://www.manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9540000028530
5 กันยายน 2554     |      3814
พบ 2 โปรแกรมสอดแนมใหม่บนมือถือแอนดรอยด์
บริษัท NetQin Mobile ออกแถลงการณ์พบ 2 โปรแกรมสอดแนมหรือสปายแวร์ตัวใหม่บนสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ (Android) สปายแวร์ทั้ง 2 มาในชื่อ "SW.SecurePhone" และ "SW.Qieting" มีผลให้ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ตกอยู่ในความเสี่ยงถูกโจรกรรมและดัดแปลง ซึ่งอาจนำไปสู่ผลร้ายยิ่งขึ้นในอนาคต รายงานระบุว่า SW.SecurePhone คือแอปพลิเคชันที่ไม่มีสัญลักษณ์หรือไอคอนใดๆ และทำงานต่อเนื่องอยู่ในส่วนฉากหลังหรือ background การศึกษาพบว่าสปายแวร์ตัวนี้จะดักจับข้อมูลจากกล่องข้อความสั้นหรือ text messages ประวัติการโทรฯหรือ call log รวมถึงภาพถ่ายนานาชนิด แล้วส่งขึ้นไปบนเซิร์ฟเวอร์ระยะไกล ที่สำคัญ SW.SecurePhone ยังสามารถรู้ตำแหน่งโทรศัพท์เคลื่อนที่ และบันทึกเสียงรอบอุปกรณ์โดยอัตโนมัติได้        ขณะที่ SW.Qieting รายงานระบุว่าจะเป็นแอปพลิเคชันที่สามารถส่งต่อหรือฟอร์เวิร์ดข้อความไปยังโทรศัพท์มือถือที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการตรวจจับอยู่        รายงานย้ำว่าทั้ง 2 สปายแวร์นี้เริ่มแพร่กระจายเป็นวงกว้างในสหรัฐฯผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยความน่าเป็นห่วงนั้นอยู่ที่การไม่มีไอคอนซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่ผู้ใช้ส่วนใหญ่ยึดเป็นหลักยืนยันการมีอยู่ของแอปพลิเคชัน เมื่อทั้ง 2 สปายแวร์ไม่มีไอคอนแสดงไว้ ผู้ใช้ส่วนใหญ่จึงไม่มีโอกาสรู้ว่าเครื่องที่ตัวเองกำลังใช้มีสปายแวร์นี้แฝงอยู่หรือไม่        รายงานไม่ระบุวิธีการแพร่กระจายของสปายแวร์ทั้ง 2 ตัวนี้ แต่อ้างถึงคำแนะนำ 4 ข้อจากบริษัท NetQin ที่ให้ความรู้ผู้บริโภคถึงวิธีการป้องกันเบื้องต้นเพื่อไม่ให้โทรศัพท์มือถือของตัวเองถูกติดตั้งสปายแวร์แฝงไว้ภายใน ได้แก่ 1 ควรดาวน์โหลดแอปพลิเคชันจากแหล่งที่เชื่อถือได้ โดยควรตรวจสอบบทความทดลองใช้งาน (review) คะแนนที่ได้ (rating) และข้อมูลนักพัฒนา ก่อนจะลงมือดาวน์โหลดแอปพลิเคชันใดๆ        2 ควรศึกษารายละเอียดการขออนุญาตในแอปพลิเคชันให้ดี โดยเลือกดาวน์โหลดเฉพาะแอปพลิเคชันที่ไม่ร้องขอสิ่งที่นอกเหนือจากบริการที่ให้ 3 ควรติดตามและระวังค่าบริการที่ผิดปกติในบิลโทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากอาจเป็นสัญญาณที่ชี้ว่าโทรศัพท์เครื่องนี้อาจติดเชื้อสปายแวร์ตัวร้ายเรียบร้อยแล้ว และ 4 คือการติดตั้งแอปพลิเคชันรักษาความปลอดภัยเพื่อปกป้องโทรศัพท์ตลอดเวลา การพบโปรแกรมสอดแนมใหม่บนโทรศัพท์มือถือแอนดรอยด์เพิ่มขึ้นถือเป็นเรื่องที่หลายคนคาดหมายไว้แล้ว เนื่องจากความแพร่หลายของแอนดรอยด์ทำให้ผู้ประสงค์ร้ายพุ่งเป้าแอนดรอยด์ในฐานะเค้กก้อนโต ซึ่งคุ้มค่าแก่การลงทุนสร้างโปรแกรมร้ายขึ้นมาโจมตีกลุ่มคนวงกว้าง ขอขอบคุณ  ASTV ผู้จัดการที่มา http://www.manager.co.th/cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9540000026749
4 มกราคม 2554     |      3736
100 คำสั่งบนแป้นคีย์บอร์ด
100 คำสั่งบนคีย์บอร์ดที่ควรรู้CTRL+C --คัดลอก  CTRL+X --ตัด/ย้าย  CTRL+V --วาง (ใช้คู่กับคำสั่งคัดลอก/ตัด)  CTRL+Z --ยกเลิกการทำงานครั้งล่าสุด  DELETE --ลบโดยไปพักที่ถังขยะ  SHIFT+DELETE --ลบโดยไม่ต้องพักที่ถังขยะ  CTRL กดค้างไว้+คลิกเลือกไฟล์ --เป็นการเลือกแบบเฉพาะเจาะจง  CTRL+SHIFT กดค้างไว้ แล้วคลิกที่ไฟล์แรก และไฟล์สุดท้าย --จะเป็นการเลือกตั้งแต่  ไฟล์แรกถึงไฟล์สุดท้ายทั้งหมด  F2 --เปลี่ยนชื่อแฟ้ม  CTRL+RIGHT ARROW --ไปยังคำต่อไป (ด้านขวามือ)  CTRL+LEFT ARROW --ไปยังคำก่อนหน้า (ด้านซ้ายมือ)  CTRL+DOWN ARROW --ไปยังย่อหน้าต่อไป (ลงล่าง)  CTRL+UP ARROW --ไปยังย่อหน้าต่อไป (ขึ้นบน)  CTRL+SHIFT --ทำ Highlight ทั้งบรรทัด  SHIFT+ปุ่มลูกศร --ทำ Highlight เฉพาะส่วนที่เลือก  CTRL+A --เลือกทั้งหมด F3 --ค้นหา  ALT+ENTER --ดู properties  ALT+F4 --ปิดโปรแกรมที่ใช้งานในปัจจุบัน  ALT+SPACEBAR --เปิด shortcut menu ของหน้าจอที่ใช้งานอยู่  CTRL+F4 --ปิดโปรแกรมที่ใช้อยู่ทั้งหมด  ALT+TAB --สลับหน้าจอระหว่างโปรแกรมที่ 1 ไปโปรแกรมที่ 2 3 4  ALT+ESC (Cycle through items in the order that they had been opened)  F6 key (Cycle through the screen elements in a window or on the desktop)  F4 --แสดงรายการใน Address bar  SHIFT+F10 --เหมือนการคลิกขวาที่เม้าส์  CTRL+ESC --เหมือนการคลิกที่ปุ่ม Start  ALT+Underlined letter in a menu name (Display the corresponding menu)  Underlined letter in a command name on an open menu (Perform the  corresponding command)  F10 key (Activate the menu bar in the active program)  RIGHT ARROW --เปิดเมนูถัดไปทางขวาหรือเปิดเมนูย่อยทางขวา  LEFT ARROW --เปิดเมนูถัดไปทางซ้ายหรือเปิดเมนูย่อยทางซ้าย  F5 key --รีเฟรชหน้าจอปัจจุบัน  BACKSPACE --แสดงโฟลเดอร์ที่อยู่เหนือขึ้นไป 1 ระดับ  ESC --ยกเลิก SHIFT เมื่อใส่แผ่น CD-ROM --หยุดยั้งการเปิดแผ่นแบบอัตโนมัติ  Dialog Box Keyboard Shortcuts /เกี่ยวกับไดอะล็อก  CTRL+TAB --ไปในแถบต่อไป  CTRL+SHIFT+TAB --ไปในแถบก่อนหน้า  TAB --เลื่อนไปยังส่วนต่อไป  SHIFT+TAB --เลื่อนไปยังส่วนก่อนหน้า  ALT+Underlined letter (Perform the corresponding command or select  the corresponding option)  ENTER --ตกลง  SPACEBAR --เลือก/ไม่เลือกใน check boxArrow keys (Select a button if the active option is a group of option buttons)  F1 key --Help  F4 key --แสดงรายการที่ active อยู่  BACKSPACE --แสดงโฟลเดอร์ที่อยู่เหนือขึ้นไป 1 ระดับ  Microsoft Natural Keyboard Shortcuts /ทั่วไป ๆ  Windows Logo --แสดง/ซ่อน Start menu  Windows Logo+BREAK --แสดง System Properties  Windows Logo+D --แสดงหน้าจอ desktop  Windows Logo+M --ย่อหน้าต่างงานทั้หมด  Windows Logo+SHIFT+M --โชว์หน้าต่างงานที่เราย่อไว้ (ยกเลิกการย่อหน้าต่าง)  Windows Logo+E --เปิด My computer  Windows Logo+F,CTRL+Windows Logo+F --ค้นหา  Windows Logo+F1 --Help  Windows Logo+ L --ล็อค keyboard  Windows Logo+R --Run  Windows Logo+U --Utility Manager 
1 มกราคม 2557     |      2853
ทั้งหมด 11 หน้า