งานระบบเครือข่ายและบริการอินเทอร์เน็ต
Networking Systems and Internet Services

พบโปรแกรมสอดแนมคอมพิวเตอร์ตัวร้ายที่ขโมยชื่อบัญชีและรหัสผ่านของผู้ใช้บริการเฟซบุ๊ก (Facebook) ไปได้มากกว่า 45,000 ชื่อ ผู้ใช้ส่วนใหญ่ที่ถูกหางเลขคือชาวฝรั่งเศสและอังกฤษ
       
       นักวิจัยบริษัทรักษาความปลอดภัยบนคอมพิวเตอร์ Securlet รายงานการพบโปรแกรมร้ายนี้ไว้บนเว็บไซต์ โดยระบุว่าโปรแกรมที่สามารถขโมยข้อมูลชื่อและรหัสผ่านผู้ใช้ Facebook ไปได้มากกว่า 45,000 ชื่อนี้มีนามว่า Ramnit โดยข้อมูลจากอีกบริษัทรักษาความปลอดภัยอย่าง McAfee ชี้ว่าหนอนคอมพ์นี้สามารถแพร่กระจายผ่านโปรแกรมตระกูลวินโดวส์อย่าง Microsoft Office รวมถึงไฟล์ HTML
       
       บริษัท Securlet ตั้งข้อสงสัยว่า ผู้โจมตีที่อยู่เบื้องหลังการสร้างหนอน Ramnit นั้นกำลังเตรียมการสวมรอยเหยื่อที่ข้อมูลชื่อบัญชีและรหัสผ่าน Facebook ถูกขโมยไป เพื่อส่งต่อลิงก์อันตรายให้กับเพื่อนของเหยื่อ ซึ่งจะทำให้หนอนคอมพ์แพร่พันธุ์ต่อไปไม่รู้จบบน Facebook
       
       อย่างไรก็ตาม Securlet เชื่อว่าภัยของหนอน Ramnit จะร้ายแรงขึ้นเพราะความจริงเรื่องชาวออนไลน์จำนวนไม่น้อยนิยมตั้งรหัสผ่านบริการออนไลน์ให้เหมือนกันหมด ทำให้มีโอกาสที่ชื่อบัญชีและรหัสผ่านของผู้ใช้ Facebook จะถูกนำไปทดลองใช้กับบริการ Gmail, เครือข่าย Corporate SSL VPN สำหรับส่งข้อมูลในองค์กร, บริการเอาท์ลุค Outlook Web Access และอื่นๆซึ่งอาจทำให้นักสร้างหนอนสามารถเข้าถึงเครือข่ายขององค์กรบริษัทอื่นๆได้
       
       Ramnit นั้นถูกตรวจพบครั้งแรกในเดือนเมษายน 2010 ก่อนนี้ Ramnit เป็นหนอนที่มุ่งขโมยข้อมูลสำคัญจากการดักจับโปรโตคอลรับส่งไฟล์ FTP และคุ้กกี้ในเบราว์เซอร์ กระทั่งสิงหาคมปี 2011 หนอน Ramnit จึงได้ฤกษ์อาละวาดในองค์กรสถาบันการเงิน ซึ่งเป็นช่วงหลังจากผู้สร้างดึงชุดคำสั่งซอร์สโค้ดบอตเน็ต Zeus มาใช้จนทำให้หนอนสามารถลักลอบเข้าสู่เครือข่ายข้อมูลสถาบันการเงินได้จากระยะไกล ครั้งนั้นคาดว่ามีเครื่องที่ได้รับเชื้อหนอน Ramnit มากกว่า 800,000 เครื่องตั้งแต่เดือนกันยายน 2011 ถึงปลายปีที่ผ่านมา
       
       สำหรับข้อสรุปเรื่องการขโมยชื่อบัญชีผู้ใช้ Facebook มากกว่า 45,000 รายการนั้นมาจากการตรวจพบข้อมูลบนเซิร์ฟเวอร์ของ Ramnit ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลคำแนะนำถึงวิธีการสังเกตว่าชื่อบัญชีของผู้ใช้รายใดถูกขโมยไป เบื้องต้นขอให้ผู้ใช้ระมัดระวังการคลิกลิงก์ผิดปกติให้สม่ำเสมอจึงจะดีที่สุด

ปรับปรุงข้อมูล : 1/1/2557 0:00:00     ที่มา : งานระบบเครือข่ายและบริการอินเทอร์เน็ต     จำนวนผู้เปิดอ่าน : 7617

กลุ่มข่าวสาร : ข่าวกิจกรรม

ข่าวล่าสุด

Dugga - Digital Assessment Platform
Dugga - Digital Assessment Platform (https://www.dugga.com ผู้ช่วยคนสำคัญที่จะทำให้การสอบบนโลกออนไลน์ เป็นเรื่องที่ง่ายชูฟีเจอร์เด่น- ประเภทคำถามที่หลากหลายกว่า 15 ประเภท- ระบบความปลอดภัยขั้นสูงล็อกเครื่องกั้นโกง- ใช้งานร่วมกับ Microsoft Teams ได้อย่างไร้รอยต่อ- รองรับการเข้าสอบพร้อมกันได้ระดับหลักแสนคน- AI คุมสอบ ตรวจจับละเอียด พร้อมประเมินความเสี่ยงการทุจริตได้อย่างแม่นยำข่าวประชาสัมพันธ์• VDO อบรมการใช้งาน Dugga (วันที่ 4 กรกฎาคม 2567)คู่มือการใช้งานระบบ Dugga สำหรับอาจารย์คู่มือการใช้งานระบบ Dugga สำหรับนักศึกษาเกี่ยวกับ DUGGA          Dugga Digital Assessment หรือ Dugga (อ่านว่า ดุกก้า) เป็นแพลตฟอร์มการประเมินแบบดิจิทัลที่สามารถใช้ภายในโรงเรียนมัธยม มหาวิทยาลัย และองค์กรต่าง ๆ โดยแพลตฟอร์ม Dugga รองรับการใช้งานร่วมกับระบบปฏิบัติการทั่วไป เช่น Windows, Mac OS X, iPad OS และ Chrome OSการใช้งานสำหรับอาจารย์          1.เข้าที่ URL  https://auth.dugga.com/login จากนั้นเลือก Log in with Microsoft สามารถใช้งานผ่าน eMail มหาวิทยาลัยแม่โจ้
11 กรกฎาคม 2567     |      1978
วิธีการเปลี่ยนการยืนยันตัวตนโดยใช้ MFA Microsoft Authenticator
วิธีการเปลี่ยนการยืนยันตัวตนโดยใช้ MFA Microsoft Authenticatorเครื่องมือที่ใช้ในการยืนยันตัวตน Multi-Factor Authentication (MFA) เป็นวิธีการในการยืนยันตัวตน โดยใช้การยืนยันตัวตนหลายอย่าง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องผูกกับหมายเลขโทรศัพท์ ทำให้สะดวกในการใช้งานและมีความปลอดภัยมากขึ้น1. เข้า Email มหาวิทยาลัยแม่โจ้ https://www.office.comทำการลงชื่อผู้ใช้งานให้เรียบร้อย แล้วกดที่ Profile มุมขวาบน แล้วเลือก View account2. เลือก Security info3. ทำการลบ Sign-in method ที่ไม่จำเป็นออก เมื่อลบแล้วให้กด Add sign-in method4. เลือก Authenticator app กด Add5. ระบบจะแนะนำให้ผู้ใช้งานทำการติดตั้งโปรแกรม Microsoft Authenticator app ผ่านระบบมือถือ แล้วกด Next  ** ผู้ใช้งานสามารถเลือกติดตั้งได้ ตามระบบปฏิบัติการโทรศัพท์มือถือที่ใช้งานทั้ง Android และ iOS6. เมื่อทำการติดตั้งโปรแกรม Microsoft Authenticator app ผ่านระบบมือถือแล้ว กด Next7. เปิดโปรแกรม Microsoft Authenticator app ในโทรศัพท์มือถือ กดเพิ่มเครื่องหมาย +8. เลือก Work or school account แล้วเลือก Scan QR Code9. ทำการ Scan QR code ที่ปรากฎในหน้าจอ**หากไม่สามารถ Scan QR code ได้เนื่องจาก QR code หมดอายุ ให้คลิ๊ก Back แล้วกด Next เพื่อให้ QR Code แสดงใหม่แล้วทำการ Scan ใหม่อีกครั้ง10. เมื่อ Scan QR code บนโทรศัพท์มือถือสำเร็จ จะปรากฎชื่อบัญชีที่ตั้งค่าใน Microsoft Authenticator app และจะปรากฎชุดตัวเลข บนหน้าจอ11. ทำการกรอกตัวเลขไปยัง Microsoft Authenticator app บนโทรศัพท์มือถือ เพื่อยืนยันตัวตน แล้วกด Yes12. กด Next13. Microsoft Authenticator app ทำการยืนยันตัวตนสำเร็จแล้ว กด Done14. การยืนยันตัวตนโดยใช้ MFA Microsoft Authenticator สำเร็จแล้ว สามารถเลือกวิธีการยืนยันตัวตนได้ โดยกด Change15. ค่าเริ่มต้นการยืนยันตัวตนโดยใช้ MFA Microsoft Authenticator คือ App based authentication - notification
17 กุมภาพันธ์ 2567     |      8371
การเปิดใช้งาน MFA Microsoft Authenticator
การเปิดใช้งาน MFA Microsoft Authenticatorเข้าใช้งานเว็บไซต์ https://www.office.com ทำการลงชื่อผู้ใช้งาน Sign in2. Login โดยใช้ username @mju.ac.th แล้วกด Next3. ใส่รหัสผ่าน Email แล้วกด Sign in4. กด Next เพื่อเข้าใช้งาน5. ระบบจะแนะนำให้ผู้ใช้งานทำการติดตั้งโปรแกรม Microsoft Authenticator app ผ่านระบบมือถือ แล้วกด Next  ** ผู้ใช้งานสามารถเลือกติดตั้งได้ ตามระบบปฏิบัติการโทรศัพท์มือถือที่ใช้งานทั้ง Android และ iOS6. เมื่อทำการติดตั้งโปรแกรม Microsoft Authenticator app ผ่านระบบมือถือแล้ว กด Next7. เปิดโปรแกรม Microsoft Authenticator app ในโทรศัพท์มือถือ กดเพิ่มเครื่องหมาย +8. เลือก Work or school account แล้วเลือก Scan QR Code9. ทำการ Scan QR code ที่ปรากฎในหน้าจอ**หากไม่สามารถ Scan QR code ได้เนื่องจาก QR code หมดอายุ ให้คลิ๊ก Back แล้วกด Next เพื่อให้ QR Code แสดงใหม่แล้วทำการ Scan ใหม่อีกครั้ง10. เมื่อ Scan QR code บนโทรศัพท์มือถือสำเร็จ จะปรากฎชื่อบัญชีที่ตั้งค่าใน Microsoft Authenticator app และจะปรากฎชุดตัวเลข บนหน้าจอ11. ทำการกรอกตัวเลขไปยัง Microsoft Authenticator app บนโทรศัพท์มือถือ เพื่อยืนยันตัวตน แล้วกด Yes12. กด Next13. Microsoft Authenticator app ทำการยืนยันตัวตนสำเร็จแล้ว กด Done14. เข้าใช้งาน MS365 ผ่านเว็บ Browser ได้
15 กุมภาพันธ์ 2567     |      11778
การถอนการติดตั้งโปรแกรม Adobe Creative Cloud
การถอนการติดตั้งโปรแกรม Adobe Creative Cloud ด้วย Creative Cloud Cleaner tool How and when to use the Creative Cloud Cleaner tool?ดาวน์โหลด Creative Cloud Cleaner tool สำหรับ Windows ดาวน์โหลด Creative Cloud Cleaner tool สำหรับ macOS ขั้นตอนการถอนการติดตั้งโปรแกรม Adobe Creative Cloud (ระบบปฏิบัติการ Windows)1. ทำการ ดาวน์โหลด Creative Cloud Cleaner tool สำหรับ Windows2. แตกไฟล์ zip คลิ๊กขวาเลือก Run as administrator3. เลือก e แล้วกด Enter4. พิมพ์ y กด Enter5. เลือกโปรแกรมที่ต้องการจะลบ เลือกลบทั้งหมด (All) พิมพ์ 1 แล้วกด Enter6.ดูหมายเลข ของ Clean All. ใส่หมายเลขแล้วกด Enter 7.พิมพ์ y กด Enter เพื่อยืนยันการลบโปรแกรม เมื่อเสร็จแล้วกด Enter ออกจากโปรแกรม แล้ว Restart เครื่องคอมพิวเตอร์ เป็นการเสร็จสิ้นขั้นตอนการลบโปรแกรม Adobe Creative Cloud  ขั้นตอนการถอนการติดตั้งโปรแกรม Adobe Creative Cloud (ระบบปฏิบัติการ macOS)ทำการดาวน์โหลด Creative Cloud Cleaner tool สำหรับ macOSแตกไฟล์ zip แล้ว Double Click เพื่อติดตั้งโปรแกรม กด Open3. เลือกโปรแกรมที่ต้องการจะลบ เลือกลบทั้งหมด (All) กด Clean All4. เมื่อทำการถอนการติตตั้งเสร็จ ปิดโปรแกรม แล้ว Restart เครื่องคอมพิวเตอร์ เป็นการเสร็จสิ้นขั้นตอนการลบโปรแกรม Adobe Creative Cloud 
13 พฤศจิกายน 2566     |      8944