งานระบบเครือข่ายและบริการอินเทอร์เน็ต
Networking Systems and Internet Services
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
ตัวอย่างข้อความลูกโซ่หลอกลวงที่ถูกส่งต่อทาง WhatsApp
บริการส่งข้อความบนสมาร์ทโฟนข้ามแพลตฟอร์มอย่าง WhatsApp นั้นยืนยันอย่างเป็นทางการแล้วว่าข้อความที่ถูกส่งต่อเป็นลูกโซ่ว่า WhatsApp จะเก็บค่าบริการนั้นไม่เป็นความจริง ระบุเนื้อหาในข้อความล้วนหลอกลวงโดยเฉพาะการขอให้ส่งต่อข้อความอย่างน้อย 10 คนเพื่อให้ระบบเข้าใจว่าผู้ใช้รายนั้นเป็นผู้ใช้ประจำ
       
       ขณะนี้ผู้ใช้ระบบ WhatsApp ในประเทศไทยหลายคนได้รับข้อความส่งต่อจากเพื่อนที่รู้จักกันว่า WhatsApp นั้นกำลังจะเก็บค่าบริการผู้ใช้อย่างจริงจัง โดยบอกว่าจะสามารถใช้บริการได้ฟรีต่อไปหากระบบวิเคราะห์ว่าผู้ใช้รายนั้นเป็นผู้ใช้งาน WhatsApp ประจำ
       
       ข้อความดังกล่าวแนะนำให้ผู้ใช้ WhatApp ส่งจดหมายลูกโซ่ไปยังเพื่อน 10 คน เพื่อให้สัญลักษณ์ WhatsApp เป็นสีแดง ซึ่งแปลว่าระบบได้จัดให้ผู้ใช้รายนั้นเป็นผู้ใช้ประจำแล้ว
       
       ทั้งหมดนี้ WhatsApp ยืนยันว่าได้รับอีเมลคำถามมากมายเกี่ยวกับข้อความลูกโซ่หลอกลวงดังกล่าว จึงขอยืนยันว่าข้อความเหล่านี้ไม่เป็นความจริง โดยระบุว่าทีมงาน WhatsApp กำลังวุ่นกับการเพิ่มคุณสมบัติใหม่ ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่ไร้สาระหรือ "silly stories" เช่นนี้
       
       ที่ผ่านมา ผู้ใช้ WhatsApp จะสามารถใช้เครือข่าย Wi-Fi หรืออินเทอร์เน็ตไร้สายในการส่งข้อความ ภาพ เสียง หรือวิดีโอถึงผู้ใช้รายอื่นโดยไม่ต้องเสียค่าบริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ความนิยมของ WhatsApp เกิดจากความสามารถในการทำให้ผู้ใช้สมาร์ทโฟนเกือบทุกค่ายทั้ง Google Android, iPhones, Nokia และ BlackBerry สามารถสื่อสารถึงกันได้อย่างประหยัดกว่าเดิม ผู้ใช้จะไม่ต้องจำกัดปริมาณการส่งทั้งในแง่จำนวนครั้งและความยาวข้อความ ทำให้ค่าใช้จ่ายบริการ SMS และ MMS ของผู้ใช้ทั่วโลกประหยัดไปมากโข
       
       ในข้อความลวงยังระบุว่าการเก็บค่าบริการจะเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 28 มกราคมเป็นต้นไป พร้อมกับอ้างชื่อซีอีโอ Jim Balsamic ในการเก็บค่าบริการรายเดือน ทั้งหมดนี้ WhatsApp ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และขอให้ผู้ใช้อย่าหลงเชื่อส่งต่อข้อความลูกโซ่แม้การรับส่งจะไม่มีผลเสียใดๆกับเครื่อง แต่จะทำให้ความเข้าใจผิดขยายวงไปอย่างที่เป็นมาในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
       
ปรับปรุงข้อมูล : 1/1/2557 0:00:00     ที่มา : งานระบบเครือข่ายและบริการอินเทอร์เน็ต     จำนวนผู้เปิดอ่าน : 7307

กลุ่มข่าวสาร : ข่าวกิจกรรม

ข่าวล่าสุด

วิธีการเปลี่ยนการยืนยันตัวตนโดยใช้ MFA Microsoft Authenticator
วิธีการเปลี่ยนการยืนยันตัวตนโดยใช้ MFA Microsoft Authenticatorเครื่องมือที่ใช้ในการยืนยันตัวตน Multi-Factor Authentication (MFA) เป็นวิธีการในการยืนยันตัวตน โดยใช้การยืนยันตัวตนหลายอย่าง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องผูกกับหมายเลขโทรศัพท์ ทำให้สะดวกในการใช้งานและมีความปลอดภัยมากขึ้น1. เข้า Email มหาวิทยาลัยแม่โจ้ https://www.office.comทำการลงชื่อผู้ใช้งานให้เรียบร้อย แล้วกดที่ Profile มุมขวาบน แล้วเลือก View account2. เลือก Security info3. ทำการลบ Sign-in method ที่ไม่จำเป็นออก เมื่อลบแล้วให้กด Add sign-in method4. เลือก Authenticator app กด Add5. ระบบจะแนะนำให้ผู้ใช้งานทำการติดตั้งโปรแกรม Microsoft Authenticator app ผ่านระบบมือถือ แล้วกด Next  ** ผู้ใช้งานสามารถเลือกติดตั้งได้ ตามระบบปฏิบัติการโทรศัพท์มือถือที่ใช้งานทั้ง Android และ iOS6. เมื่อทำการติดตั้งโปรแกรม Microsoft Authenticator app ผ่านระบบมือถือแล้ว กด Next7. เปิดโปรแกรม Microsoft Authenticator app ในโทรศัพท์มือถือ กดเพิ่มเครื่องหมาย +8. เลือก Work or school account แล้วเลือก Scan QR Code9. ทำการ Scan QR code ที่ปรากฎในหน้าจอ**หากไม่สามารถ Scan QR code ได้เนื่องจาก QR code หมดอายุ ให้คลิ๊ก Back แล้วกด Next เพื่อให้ QR Code แสดงใหม่แล้วทำการ Scan ใหม่อีกครั้ง10. เมื่อ Scan QR code บนโทรศัพท์มือถือสำเร็จ จะปรากฎชื่อบัญชีที่ตั้งค่าใน Microsoft Authenticator app และจะปรากฎชุดตัวเลข บนหน้าจอ11. ทำการกรอกตัวเลขไปยัง Microsoft Authenticator app บนโทรศัพท์มือถือ เพื่อยืนยันตัวตน แล้วกด Yes12. กด Next13. Microsoft Authenticator app ทำการยืนยันตัวตนสำเร็จแล้ว กด Done14. การยืนยันตัวตนโดยใช้ MFA Microsoft Authenticator สำเร็จแล้ว สามารถเลือกวิธีการยืนยันตัวตนได้ โดยกด Change15. ค่าเริ่มต้นการยืนยันตัวตนโดยใช้ MFA Microsoft Authenticator คือ App based authentication - notification
17 กุมภาพันธ์ 2567     |      1301
การเปิดใช้งาน MFA Microsoft Authenticator
การเปิดใช้งาน MFA Microsoft Authenticatorเข้าใช้งานเว็บไซต์ https://www.office.com ทำการลงชื่อผู้ใช้งาน Sign in2. Login โดยใช้ username @mju.ac.th แล้วกด Next3. ใส่รหัสผ่าน Email แล้วกด Sign in4. กด Next เพื่อเข้าใช้งาน5. ระบบจะแนะนำให้ผู้ใช้งานทำการติดตั้งโปรแกรม Microsoft Authenticator app ผ่านระบบมือถือ แล้วกด Next  ** ผู้ใช้งานสามารถเลือกติดตั้งได้ ตามระบบปฏิบัติการโทรศัพท์มือถือที่ใช้งานทั้ง Android และ iOS6. เมื่อทำการติดตั้งโปรแกรม Microsoft Authenticator app ผ่านระบบมือถือแล้ว กด Next7. เปิดโปรแกรม Microsoft Authenticator app ในโทรศัพท์มือถือ กดเพิ่มเครื่องหมาย +8. เลือก Work or school account แล้วเลือก Scan QR Code9. ทำการ Scan QR code ที่ปรากฎในหน้าจอ**หากไม่สามารถ Scan QR code ได้เนื่องจาก QR code หมดอายุ ให้คลิ๊ก Back แล้วกด Next เพื่อให้ QR Code แสดงใหม่แล้วทำการ Scan ใหม่อีกครั้ง10. เมื่อ Scan QR code บนโทรศัพท์มือถือสำเร็จ จะปรากฎชื่อบัญชีที่ตั้งค่าใน Microsoft Authenticator app และจะปรากฎชุดตัวเลข บนหน้าจอ11. ทำการกรอกตัวเลขไปยัง Microsoft Authenticator app บนโทรศัพท์มือถือ เพื่อยืนยันตัวตน แล้วกด Yes12. กด Next13. Microsoft Authenticator app ทำการยืนยันตัวตนสำเร็จแล้ว กด Done14. เข้าใช้งาน MS365 ผ่านเว็บ Browser ได้
15 กุมภาพันธ์ 2567     |      3128
การถอนการติดตั้งโปรแกรม Adobe Creative Cloud
การถอนการติดตั้งโปรแกรม Adobe Creative Cloud ด้วย Creative Cloud Cleaner tool How and when to use the Creative Cloud Cleaner tool?ดาวน์โหลด Creative Cloud Cleaner tool สำหรับ Windows ดาวน์โหลด Creative Cloud Cleaner tool สำหรับ macOS ขั้นตอนการถอนการติดตั้งโปรแกรม Adobe Creative Cloud (ระบบปฏิบัติการ Windows)1. ทำการ ดาวน์โหลด Creative Cloud Cleaner tool สำหรับ Windows2. แตกไฟล์ zip คลิ๊กขวาเลือก Run as administrator3. เลือก e แล้วกด Enter4. พิมพ์ y กด Enter5. เลือกโปรแกรมที่ต้องการจะลบ เลือกลบทั้งหมด (All) พิมพ์ 1 แล้วกด Enter6.ดูหมายเลข ของ Clean All. ใส่หมายเลขแล้วกด Enter 7.พิมพ์ y กด Enter เพื่อยืนยันการลบโปรแกรม เมื่อเสร็จแล้วกด Enter ออกจากโปรแกรม แล้ว Restart เครื่องคอมพิวเตอร์ เป็นการเสร็จสิ้นขั้นตอนการลบโปรแกรม Adobe Creative Cloud  ขั้นตอนการถอนการติดตั้งโปรแกรม Adobe Creative Cloud (ระบบปฏิบัติการ macOS)ทำการดาวน์โหลด Creative Cloud Cleaner tool สำหรับ macOSแตกไฟล์ zip แล้ว Double Click เพื่อติดตั้งโปรแกรม กด Open3. เลือกโปรแกรมที่ต้องการจะลบ เลือกลบทั้งหมด (All) กด Clean All4. เมื่อทำการถอนการติตตั้งเสร็จ ปิดโปรแกรม แล้ว Restart เครื่องคอมพิวเตอร์ เป็นการเสร็จสิ้นขั้นตอนการลบโปรแกรม Adobe Creative Cloud 
13 พฤศจิกายน 2566     |      4500