งานระบบเครือข่ายและบริการอินเทอร์เน็ต
Networking Systems and Internet Services

ดูเหมือนว่าชาวออนไลน์จะเจ็บไม่เคยจำ เพราะไม่ว่าจะมีข่าวเรื่องนักเจาะระบบสามารถคาดเดารหัสผ่านจนทำให้การลักลอบใช้บริการออนไลน์ทำได้สำเร็จกี่ครั้ง ชาวออนไลน์ก็ยังคงตั้งพาสเวิร์ดหรือรหัสผ่านเดาง่ายอยู่ต่อไป ล่าสุดการสำรวจพบว่า พาสเวิร์ดอย่างคำว่า password สามารถครองแชมป์ 1 ใน 25 รหัสผ่านยอดแย่ประจำปีนี้ ขณะที่ 123456 และ 12345678 คว้าอันดับ 2 และ 3 ไปครอง
       
       รายการ 25 รหัสผ่านยอดแย่ประจำปีนี้เป็นผลงานการวิจัยของบริษัท SplashData ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยของระบบคอมพิวเตอร์ โดย SplashData จัดอันดับรหัสผ่านหลายล้านคำที่ถูกขโมยและถูกนักเจาะระบบนำมาโพสต์เผยแพร่ปั่นป่วนไว้บนโลกออนไลน์ ซึ่งพบว่าคำว่า password คือรหัสผ่านที่ถูกโพสต์ไว้บ่อยครั้งที่สุด
       
       นอกจากคำว่า password และ ลำดับเลข 123456 ชุดตัวอักษรที่อยู่ติดกันบนแป้นคีย์บอร์ดอย่าง qwerty ก็ติดอันดับถูกขโมยและโพสต์บ่อยครั้งรองลงมา ที่น่าสนใจคือ วลีที่ดูเหมือนจะเดายากอย่าง "trustno1" และคำศัพท์เฉพาะอย่าง "shadow" กลับเป็นรหัสผ่านธรรมดาที่เหล่าแฮกเกอร์สามารถเดาได้ เช่นเดียวกับคำว่า "monkey" ที่ติดอันดับรหัสผ่านยอดแย่เช่นกัน
       
       รายการ 25 รหัสผ่านยอดแย่ที่ SplashData เปิดเผย ได้แก่
       
       1. password
       2. 123456
       3. 12345678
       4. qwerty
       5. abc123
       6. monkey
       7. 1234567
       8. letmein
       9. trustno1
       10. dragon
       11. baseball
       12. 111111
       13. iloveyou
       14. master
       15. sunshine
       16. ashley
       17. bailey
       18. passw0rd
       19. shadow
       20. 123123
       21. 654321
       22. superman
       23. qazwsx
       24. michael
       25. football
       
       ดังนั้นใครที่บังเอิญตั้งรหัสผ่านตรงกับรหัสผ่านยอดแย่ทั้งหมดนี้ ทางที่ดีควรจะเปลี่ยนใหม่เพราะมีโอกาสสูงที่นักเจาะระบบจะสามารถคาดเดาและลักลอบสวมรอยบนโลกออนไลน์ได้อีก โดยเฉพาะในองค์กรที่มีข้อมูลสำคัญ
       
       นอกจากนี้ SplashData แนะนำว่า รหัสผ่านที่ดีควรประกอบด้วยตัวอักษร ตัวเลข และสัญลักษณ์ที่หลากหลาย หากกังวลว่าจะลืม ให้เลือกใช้วลียาวเป็นรหัสผ่าน แล้วใช้เครื่องหมาย underscore คั่นกลาง เช่น "shiny_phones_rule_1." โดย SplashData ชี้ว่าการใช้วลีจะช่วยให้ผู้ใช้จำรหัสผ่านได้ดีกว่าตัวอักษรยาวที่ไร้ความหมาย
       
       ขณะเดียวกัน อย่าใช้รหัสผ่านเดียวกับบริการออนไลน์ทั้งหมด อย่างน้อยที่สุดควรตั้งรหัสผ่านใหม่สำหรับบริการที่มีความสำคัญ เช่น บริการธนาคารออนไลน์หรืออีเมล ทั้งหมดนี้เพื่อป้องกันไม่ให้นักแฮกที่สามารถขโมยรหัสผ่านบริการเว็บบอร์ด นำรหัสผ่านเดียวกันมาสวมรอยเพื่อใช้บริการโอนเงินออนไลน์
       
       อีกทางเลือกที่น่าลองคือการใช้ซอฟต์แวร์จัดการรหัสผ่านอย่าง LastPass, Roboform, eWallet, SplashID หรือบริการฟรีอย่าง KeePass ซอฟตืแวร์เหล่านี้จะช่วยจดจำรหัสผ่าน ทำให้ชาวออนไลน์สามารถสร้างรหัสผ่านที่ยาวและซับซ้อนได้สมใจ

ปรับปรุงข้อมูล : 12/9/2554 14:22:10     ที่มา : งานระบบเครือข่ายและบริการอินเทอร์เน็ต     จำนวนผู้เปิดอ่าน : 7860

กลุ่มข่าวสาร : ข่าวกิจกรรม

ข่าวล่าสุด

วิธีการเปลี่ยนการยืนยันตัวตนโดยใช้ MFA Microsoft Authenticator
วิธีการเปลี่ยนการยืนยันตัวตนโดยใช้ MFA Microsoft Authenticatorเครื่องมือที่ใช้ในการยืนยันตัวตน Multi-Factor Authentication (MFA) เป็นวิธีการในการยืนยันตัวตน โดยใช้การยืนยันตัวตนหลายอย่าง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องผูกกับหมายเลขโทรศัพท์ ทำให้สะดวกในการใช้งานและมีความปลอดภัยมากขึ้น1. เข้า Email มหาวิทยาลัยแม่โจ้ https://www.office.comทำการลงชื่อผู้ใช้งานให้เรียบร้อย แล้วกดที่ Profile มุมขวาบน แล้วเลือก View account2. เลือก Security info3. ทำการลบ Sign-in method ที่ไม่จำเป็นออก เมื่อลบแล้วให้กด Add sign-in method4. เลือก Authenticator app กด Add5. ระบบจะแนะนำให้ผู้ใช้งานทำการติดตั้งโปรแกรม Microsoft Authenticator app ผ่านระบบมือถือ แล้วกด Next  ** ผู้ใช้งานสามารถเลือกติดตั้งได้ ตามระบบปฏิบัติการโทรศัพท์มือถือที่ใช้งานทั้ง Android และ iOS6. เมื่อทำการติดตั้งโปรแกรม Microsoft Authenticator app ผ่านระบบมือถือแล้ว กด Next7. เปิดโปรแกรม Microsoft Authenticator app ในโทรศัพท์มือถือ กดเพิ่มเครื่องหมาย +8. เลือก Work or school account แล้วเลือก Scan QR Code9. ทำการ Scan QR code ที่ปรากฎในหน้าจอ**หากไม่สามารถ Scan QR code ได้เนื่องจาก QR code หมดอายุ ให้คลิ๊ก Back แล้วกด Next เพื่อให้ QR Code แสดงใหม่แล้วทำการ Scan ใหม่อีกครั้ง10. เมื่อ Scan QR code บนโทรศัพท์มือถือสำเร็จ จะปรากฎชื่อบัญชีที่ตั้งค่าใน Microsoft Authenticator app และจะปรากฎชุดตัวเลข บนหน้าจอ11. ทำการกรอกตัวเลขไปยัง Microsoft Authenticator app บนโทรศัพท์มือถือ เพื่อยืนยันตัวตน แล้วกด Yes12. กด Next13. Microsoft Authenticator app ทำการยืนยันตัวตนสำเร็จแล้ว กด Done14. การยืนยันตัวตนโดยใช้ MFA Microsoft Authenticator สำเร็จแล้ว สามารถเลือกวิธีการยืนยันตัวตนได้ โดยกด Change15. ค่าเริ่มต้นการยืนยันตัวตนโดยใช้ MFA Microsoft Authenticator คือ App based authentication - notification
17 กุมภาพันธ์ 2567     |      1449
การเปิดใช้งาน MFA Microsoft Authenticator
การเปิดใช้งาน MFA Microsoft Authenticatorเข้าใช้งานเว็บไซต์ https://www.office.com ทำการลงชื่อผู้ใช้งาน Sign in2. Login โดยใช้ username @mju.ac.th แล้วกด Next3. ใส่รหัสผ่าน Email แล้วกด Sign in4. กด Next เพื่อเข้าใช้งาน5. ระบบจะแนะนำให้ผู้ใช้งานทำการติดตั้งโปรแกรม Microsoft Authenticator app ผ่านระบบมือถือ แล้วกด Next  ** ผู้ใช้งานสามารถเลือกติดตั้งได้ ตามระบบปฏิบัติการโทรศัพท์มือถือที่ใช้งานทั้ง Android และ iOS6. เมื่อทำการติดตั้งโปรแกรม Microsoft Authenticator app ผ่านระบบมือถือแล้ว กด Next7. เปิดโปรแกรม Microsoft Authenticator app ในโทรศัพท์มือถือ กดเพิ่มเครื่องหมาย +8. เลือก Work or school account แล้วเลือก Scan QR Code9. ทำการ Scan QR code ที่ปรากฎในหน้าจอ**หากไม่สามารถ Scan QR code ได้เนื่องจาก QR code หมดอายุ ให้คลิ๊ก Back แล้วกด Next เพื่อให้ QR Code แสดงใหม่แล้วทำการ Scan ใหม่อีกครั้ง10. เมื่อ Scan QR code บนโทรศัพท์มือถือสำเร็จ จะปรากฎชื่อบัญชีที่ตั้งค่าใน Microsoft Authenticator app และจะปรากฎชุดตัวเลข บนหน้าจอ11. ทำการกรอกตัวเลขไปยัง Microsoft Authenticator app บนโทรศัพท์มือถือ เพื่อยืนยันตัวตน แล้วกด Yes12. กด Next13. Microsoft Authenticator app ทำการยืนยันตัวตนสำเร็จแล้ว กด Done14. เข้าใช้งาน MS365 ผ่านเว็บ Browser ได้
15 กุมภาพันธ์ 2567     |      3483
การถอนการติดตั้งโปรแกรม Adobe Creative Cloud
การถอนการติดตั้งโปรแกรม Adobe Creative Cloud ด้วย Creative Cloud Cleaner tool How and when to use the Creative Cloud Cleaner tool?ดาวน์โหลด Creative Cloud Cleaner tool สำหรับ Windows ดาวน์โหลด Creative Cloud Cleaner tool สำหรับ macOS ขั้นตอนการถอนการติดตั้งโปรแกรม Adobe Creative Cloud (ระบบปฏิบัติการ Windows)1. ทำการ ดาวน์โหลด Creative Cloud Cleaner tool สำหรับ Windows2. แตกไฟล์ zip คลิ๊กขวาเลือก Run as administrator3. เลือก e แล้วกด Enter4. พิมพ์ y กด Enter5. เลือกโปรแกรมที่ต้องการจะลบ เลือกลบทั้งหมด (All) พิมพ์ 1 แล้วกด Enter6.ดูหมายเลข ของ Clean All. ใส่หมายเลขแล้วกด Enter 7.พิมพ์ y กด Enter เพื่อยืนยันการลบโปรแกรม เมื่อเสร็จแล้วกด Enter ออกจากโปรแกรม แล้ว Restart เครื่องคอมพิวเตอร์ เป็นการเสร็จสิ้นขั้นตอนการลบโปรแกรม Adobe Creative Cloud  ขั้นตอนการถอนการติดตั้งโปรแกรม Adobe Creative Cloud (ระบบปฏิบัติการ macOS)ทำการดาวน์โหลด Creative Cloud Cleaner tool สำหรับ macOSแตกไฟล์ zip แล้ว Double Click เพื่อติดตั้งโปรแกรม กด Open3. เลือกโปรแกรมที่ต้องการจะลบ เลือกลบทั้งหมด (All) กด Clean All4. เมื่อทำการถอนการติตตั้งเสร็จ ปิดโปรแกรม แล้ว Restart เครื่องคอมพิวเตอร์ เป็นการเสร็จสิ้นขั้นตอนการลบโปรแกรม Adobe Creative Cloud 
13 พฤศจิกายน 2566     |      4854