งานระบบเครือข่ายและบริการอินเทอร์เน็ต
Networking Systems and Internet Services

ศูนย์ประสานงานเหตุฉุกเฉินระบบคอมพิวเตอร์แห่งชาติจีนแผ่นดินใหญ่เผย ระบบคอมพิวเตอร์แดนมังกรถูกโจมตีมากกว่า 5 แสนครั้งในปี 2010 ที่ผ่านมา โดยราวครึ่งหนึ่งถูกพบว่ามีต้นตอมาจากประเทศอย่างสหรัฐอเมริกาและอินเดีย
       
       ศูนย์ National Computer Network Emergency Response Coordination Centre แห่งชาติจีน เปิดเผยรายงานสถิติการถูกโจมตีระบบคอมพิวเตอร์ในประเทศจีนว่า ภัยโจมตีระบบคอมพิวเตอร์จีนส่วนใหญ่อยู่ในรูปโปรแกรมสอดแนมหรือโทรจัน (Trojan) ซึ่งมักแฝงตัวในแอปพลิเคชันที่ผู้ใช้ติดตั้งในเครื่องโดยไม่รู้ตัว โดยโปรแกรมจะคอยเก็บข้อมูลประวัติการใช้งานเครื่องแล้วส่งออกไปยังเครื่องเซิร์ฟเวอร์ลับที่คอยควบคุมอยู่จากระยะไกล
       
       สำนักความปลอดภัยระบบคอมพ์จีนระบุว่า ไวรัสประสงค์ร้ายหรือมัลแวร์กว่า 15% ที่พบในจีนนั้นมาจากเซิร์ฟเวอร์ที่มีต้นตอในสหรัฐอเมริกา (จากการตรวจสอบหมายเลขไอพีแอดเดรส) โดย 8% มาจากอินเดียแดนโรตี
       
       สถิติเหล่านี้ไม่น่าแปลกใจที่จีนจะมีจำนวนการถูกโจมตีจำนวนมโหฬารเช่นนี้ เพราะจีนนั้นเป็นประเทศที่มีผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตมากที่สุดในโลกด้วยสถิติ 485 ล้านคน
       
       การเปิดเผยจำนวนภัยโจมตีออนไลน์ของจีนครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากบริษัทด้านความปลอดภัยของสหรัฐฯอย่างแมคอาฟี (McAfee) ระบุว่าสามารถตรวจพบขบวนการสอดแนมสมรภูมิไซเบอร์ที่มีขอบเขตครอบคลุมทั้งโลกเพียงไม่กี่วัน จุดนี้แมคอาฟีเชื่อว่าโครงการดังกล่าวจะเป็นปฎิบัติการที่วางกรอบเวลาต่อเนื่องหลายปี อย่างไรก็ตาม แม้จะยังไม่มีการยืนยันชัดเจนว่าผู้ริเริ่มโครงการเป็นใคร แต่นักวิเคราะห์เชื่อว่าเป็นจีน
       
       เรื่องนี้สำนักข่าวซินหัว (Xinhua) ประนามการวิเคราะห์ที่ระบุว่าจีนเป็นต้นตอของขบวนการสอดแนมครั้งใหญ่ที่แมคอาฟีค้นพบ ว่าเป็นการกระทำที่ไร้ความรับผิดชอบ โดยปฏิเสธที่จะพูดถึงเหยื่อของขบวนการนี้ที่ไม่มีจีนรวมอยู่ด้วย ซึ่งประเทศที่แมคอาฟีพบว่าถูกสอดแนมนั้นมีตั้งแต่ระบบคอมพิวเตอร์รัฐบาลแคนาดา อินเดีย เกาหลีใต้ ไต้หวัน สหรัฐอเมริกา และเวียดนาม
       
       นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่จีนถูกมองว่าเป็นผู้ลงมือสอดแนมรัฐบาลหลายประเทศ ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา กูเกิล (Google) ยักษ์ใหญ่อินเทอร์เน็ตออกมาระบุว่าพบความพยายามเจาะระบบเข้าไปดูบัญชีจีเมล (Gmail) ของเจ้าหน้าที่อาวุโสของรัฐบาลสหรัฐฯ, ทหาร, ผู้สื่อข่าว รวมถึงผู้ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองในจีน โดยกูเกิลพบว่าทั้งหมดมีต้นตอมาจากจีน แน่นอนว่าพี่จีนไม่เคยยอมรับกับข้อกล่าวหาที่เกิดขึ้น

ขอขอบคุณ ASTV ผู้จัดการ

ที่มา http://www.manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9540000099929

ปรับปรุงข้อมูล : 9/11/2554 16:17:30     ที่มา : งานระบบเครือข่ายและบริการอินเทอร์เน็ต     จำนวนผู้เปิดอ่าน : 6469

กลุ่มข่าวสาร : ข่าวกิจกรรม

ข่าวล่าสุด

วิธีการเปลี่ยนการยืนยันตัวตนโดยใช้ MFA Microsoft Authenticator
วิธีการเปลี่ยนการยืนยันตัวตนโดยใช้ MFA Microsoft Authenticatorเครื่องมือที่ใช้ในการยืนยันตัวตน Multi-Factor Authentication (MFA) เป็นวิธีการในการยืนยันตัวตน โดยใช้การยืนยันตัวตนหลายอย่าง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องผูกกับหมายเลขโทรศัพท์ ทำให้สะดวกในการใช้งานและมีความปลอดภัยมากขึ้น1. เข้า Email มหาวิทยาลัยแม่โจ้ https://www.office.comทำการลงชื่อผู้ใช้งานให้เรียบร้อย แล้วกดที่ Profile มุมขวาบน แล้วเลือก View account2. เลือก Security info3. ทำการลบ Sign-in method ที่ไม่จำเป็นออก เมื่อลบแล้วให้กด Add sign-in method4. เลือก Authenticator app กด Add5. ระบบจะแนะนำให้ผู้ใช้งานทำการติดตั้งโปรแกรม Microsoft Authenticator app ผ่านระบบมือถือ แล้วกด Next  ** ผู้ใช้งานสามารถเลือกติดตั้งได้ ตามระบบปฏิบัติการโทรศัพท์มือถือที่ใช้งานทั้ง Android และ iOS6. เมื่อทำการติดตั้งโปรแกรม Microsoft Authenticator app ผ่านระบบมือถือแล้ว กด Next7. เปิดโปรแกรม Microsoft Authenticator app ในโทรศัพท์มือถือ กดเพิ่มเครื่องหมาย +8. เลือก Work or school account แล้วเลือก Scan QR Code9. ทำการ Scan QR code ที่ปรากฎในหน้าจอ**หากไม่สามารถ Scan QR code ได้เนื่องจาก QR code หมดอายุ ให้คลิ๊ก Back แล้วกด Next เพื่อให้ QR Code แสดงใหม่แล้วทำการ Scan ใหม่อีกครั้ง10. เมื่อ Scan QR code บนโทรศัพท์มือถือสำเร็จ จะปรากฎชื่อบัญชีที่ตั้งค่าใน Microsoft Authenticator app และจะปรากฎชุดตัวเลข บนหน้าจอ11. ทำการกรอกตัวเลขไปยัง Microsoft Authenticator app บนโทรศัพท์มือถือ เพื่อยืนยันตัวตน แล้วกด Yes12. กด Next13. Microsoft Authenticator app ทำการยืนยันตัวตนสำเร็จแล้ว กด Done14. การยืนยันตัวตนโดยใช้ MFA Microsoft Authenticator สำเร็จแล้ว สามารถเลือกวิธีการยืนยันตัวตนได้ โดยกด Change15. ค่าเริ่มต้นการยืนยันตัวตนโดยใช้ MFA Microsoft Authenticator คือ App based authentication - notification
17 กุมภาพันธ์ 2567     |      1562
การเปิดใช้งาน MFA Microsoft Authenticator
การเปิดใช้งาน MFA Microsoft Authenticatorเข้าใช้งานเว็บไซต์ https://www.office.com ทำการลงชื่อผู้ใช้งาน Sign in2. Login โดยใช้ username @mju.ac.th แล้วกด Next3. ใส่รหัสผ่าน Email แล้วกด Sign in4. กด Next เพื่อเข้าใช้งาน5. ระบบจะแนะนำให้ผู้ใช้งานทำการติดตั้งโปรแกรม Microsoft Authenticator app ผ่านระบบมือถือ แล้วกด Next  ** ผู้ใช้งานสามารถเลือกติดตั้งได้ ตามระบบปฏิบัติการโทรศัพท์มือถือที่ใช้งานทั้ง Android และ iOS6. เมื่อทำการติดตั้งโปรแกรม Microsoft Authenticator app ผ่านระบบมือถือแล้ว กด Next7. เปิดโปรแกรม Microsoft Authenticator app ในโทรศัพท์มือถือ กดเพิ่มเครื่องหมาย +8. เลือก Work or school account แล้วเลือก Scan QR Code9. ทำการ Scan QR code ที่ปรากฎในหน้าจอ**หากไม่สามารถ Scan QR code ได้เนื่องจาก QR code หมดอายุ ให้คลิ๊ก Back แล้วกด Next เพื่อให้ QR Code แสดงใหม่แล้วทำการ Scan ใหม่อีกครั้ง10. เมื่อ Scan QR code บนโทรศัพท์มือถือสำเร็จ จะปรากฎชื่อบัญชีที่ตั้งค่าใน Microsoft Authenticator app และจะปรากฎชุดตัวเลข บนหน้าจอ11. ทำการกรอกตัวเลขไปยัง Microsoft Authenticator app บนโทรศัพท์มือถือ เพื่อยืนยันตัวตน แล้วกด Yes12. กด Next13. Microsoft Authenticator app ทำการยืนยันตัวตนสำเร็จแล้ว กด Done14. เข้าใช้งาน MS365 ผ่านเว็บ Browser ได้
15 กุมภาพันธ์ 2567     |      3783
การถอนการติดตั้งโปรแกรม Adobe Creative Cloud
การถอนการติดตั้งโปรแกรม Adobe Creative Cloud ด้วย Creative Cloud Cleaner tool How and when to use the Creative Cloud Cleaner tool?ดาวน์โหลด Creative Cloud Cleaner tool สำหรับ Windows ดาวน์โหลด Creative Cloud Cleaner tool สำหรับ macOS ขั้นตอนการถอนการติดตั้งโปรแกรม Adobe Creative Cloud (ระบบปฏิบัติการ Windows)1. ทำการ ดาวน์โหลด Creative Cloud Cleaner tool สำหรับ Windows2. แตกไฟล์ zip คลิ๊กขวาเลือก Run as administrator3. เลือก e แล้วกด Enter4. พิมพ์ y กด Enter5. เลือกโปรแกรมที่ต้องการจะลบ เลือกลบทั้งหมด (All) พิมพ์ 1 แล้วกด Enter6.ดูหมายเลข ของ Clean All. ใส่หมายเลขแล้วกด Enter 7.พิมพ์ y กด Enter เพื่อยืนยันการลบโปรแกรม เมื่อเสร็จแล้วกด Enter ออกจากโปรแกรม แล้ว Restart เครื่องคอมพิวเตอร์ เป็นการเสร็จสิ้นขั้นตอนการลบโปรแกรม Adobe Creative Cloud  ขั้นตอนการถอนการติดตั้งโปรแกรม Adobe Creative Cloud (ระบบปฏิบัติการ macOS)ทำการดาวน์โหลด Creative Cloud Cleaner tool สำหรับ macOSแตกไฟล์ zip แล้ว Double Click เพื่อติดตั้งโปรแกรม กด Open3. เลือกโปรแกรมที่ต้องการจะลบ เลือกลบทั้งหมด (All) กด Clean All4. เมื่อทำการถอนการติตตั้งเสร็จ ปิดโปรแกรม แล้ว Restart เครื่องคอมพิวเตอร์ เป็นการเสร็จสิ้นขั้นตอนการลบโปรแกรม Adobe Creative Cloud 
13 พฤศจิกายน 2566     |      5160