งานระบบเครือข่ายและบริการอินเทอร์เน็ต
Networking Systems and Internet Services

ถือเป็นหนึ่งในวิกฤตออนไลน์ซึ่งสื่ออเมริกันให้ความสนใจมากในขณะนี้ สำหรับบริษัท Epsilon Data Management บริษัทการตลาดออนไลน์ซึ่งถูกโจรไฮเทคเจาะระบบเข้าไปขโมยข้อมูลส่วนตัวของผู้บริโภคที่ Epsilon เก็บรักษาไว้ เพราะปรากฏว่าส่วนหนึ่งของข้อมูลที่ถูกขโมยไปนั้นเป็นข้อมูลชื่อและอีเมลของลูกค้าขององค์กรยักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯมากกว่า 50 แห่ง ทำให้ขณะนี้ บริษัทยักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯต่างออกมาประกาศเตือนภัยลูกค้าของตัวเองให้ระมัดระวัง อย่าหลงเชื่ออีเมลปลอมซึ่งอาจแพร่ระบาดในอนาคตอันใกล้
       
       ขณะนี้ บริษัทสถาบันการเงิน ร้านค้าปลีก และบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่อเมริกันอย่าง JPMorgan Chase, Kroger, TiVo, Best Buy, Walgreen, Capital One และบริษัทอื่นๆ เริ่มประกาศเตือนภัยลูกค้าให้ระวังภัยล่อลวงในอีเมล เนื่องจากข้อมูลชื่อและอีเมลลูกค้าบางส่วนนั้นตกอยู่ในมือของโจรไฮเทคทันทีที่บริษัท Epsilon ถูกเจาะระบบ โดยบริษัท Epsilon นั้นเป็นบริษัทรับเอาท์ซอร์สบริการส่งอีเมลแทนองค์กรอเมริกันมากกว่า 2,500 แห่ง
       
       อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้สร้างความหวั่นใจให้ผู้บริโภคอย่างเดียว แต่ยังนำไปสู่ความไม่พอใจด้วย เพราะชาวอเมริกันมองว่าบริษัทเหล่านี้ไม่มีสิทธิ์ส่งต่อข้อมูลส่วนตัวให้กับบริษัทอื่นโดยที่ไม่ได้รับความเห็นชอบ ที่สำคัญ นักวิเคราะห์นั้นมองว่า การโจมตี Epsilon นั้นเป็นสัญญาณที่แสดงว่านับจากนี้ นักเจาะระบบจะหันมาให้ความสำคัญกับการเจาะระบบบริษัทเอาท์ซอร์สลักษณะเดียวกับ Epsilon เนื่องจากกรณีที่เกิดขึ้นถือเป็นสุดยอดกรณีศึกษาที่ทำให้เห็นความคุ้มค่าในการลงมือเจาะระบบเดียวแต่ได้ข้อมูลเหยื่อจากหลายบริษัท
       
       จุดนี้ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาความปลอดภัยคอมพิวเตอร์มองว่า นับจากนี้โลกจะกังวลกับช่องโหว่ในบริษัทเอาท์ซอร์สซึ่งเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น โดย John Pescatore นักวิเคราะห์ด้านความปลอดภัยของการ์ทเนอร์ ให้ความเห็นว่ากรณี Epsilon คือหนึ่งในตัวอย่างมากมายที่แสดงถึงเหตุผลที่บริษัทซึ่งรับเอาท์ซอร์สงานจากบริษัทหลายพันแห่ง จะต้องมีมาตรการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่มากกว่าบริษัทซึ่งเก็บข้อมูลเฉพาะลูกค้าของตัวเอง
       
       สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ผู้เชี่ยวชาญแสดงความกังวลว่า ชาวอเมริกันกำลังตกอยู่ในความเสี่ยงถูกล่อลวงด้วยภัยออนไลน์ทางอีเมล โดยเฉพาะภัยฟิชชิง (phishing) ซึ่งมักทำให้โจรร้ายได้รับข้อมูลสำคัญเช่น รหัสผ่าน ข้อมูลลับทางการเงิน และข้อมูลอื่นๆ แม้ฟิชชิงจะได้รับการระบุว่าเข้าสู่ช่วงขาลงเมื่อปี 2009 ที่ผ่านมา
       
       ฟิชชิงคือการตบตาผู้บริโภคด้วยอีเมลปลอม โดยโจรขโมยข้อมูลจะส่งอีเมลปลอมซึ่งจงใจสร้างให้เหมือนว่าเป็นอีเมลจากธนาคาร สถาบันการเงิน หรือหน่วยงานใหญ่ที่น่าเชื่อถือ เนื้อหาในเมลคือการแต่งเรื่องเพื่อจูงใจให้ผู้ใช้หลงคลิกลิงก์เว็บไซต์ปลอมที่แนบมาในเมล เว็บไซต์ปลอมเหล่านี้จะมีช่องให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลสำคัญเพื่อยืนยันตัวบุคคล เช่นชื่อยูสเซอร์เนม พาสเวิร์ด เลขที่บัตรเครดิต หรือข้อมูลสำคัญตามที่โจรต้องการ และเมื่อผู้ใช้หลงกลกรอกและส่งข้อมูลไป ข้อมูลสำคัญก็จะตกไปอยู่ในมือโจรร้ายแทน
       
       ฟิชชิงที่พบบ่อยคือ อีเมลปลอมแจ้งผู้ใช้ว่าธุรกรรมการเงินมีปัญหา และต้องได้รับการยืนยันข้อมูลอย่างเร่งด่วน อย่างไรก็ตาม ปลายปี 2009 ผลสำรวจสแปมเมลจากยักษ์ใหญ่ไอบีเอ็ม (IBM) พบว่าช่วงเวลาดังกล่าวคือภาวะขาลงของอีเมลลวงประเภทฟิชชิงอย่างชัดเจน โดยพบว่าสัดส่วนเมลฟิชชิงครึ่งปีแรกของปี 2009 มีจำนวนน้อยกว่าสัดส่วนในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2008 ซึ่งสามารถตรวจพบเมลฟิชชิงราว 0.2-0.8% ของสแปมเมลทั้งหมด
       
       สำหรับกรณีของ Epsilon ประชาสัมพันธ์ Jessica Simon ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลความเสียหายจากการถูกเจาะระบบครั้งนี้ ทั้งในแง่จำนวนชื่อและอีเมลแอดเดรสที่ถูกขโมย รวมถึงแนวทางแก้ไขในอนาคต แต่ยืนยันว่านอกจากชื่อและอีเมล ไม่มีข้อมูลส่วนตัวอื่นใดของลูกค้าที่ถูกขโมย โดยขณะนี้บริษัทกำลังอยู่ระหว่างการสอบสวนและป้องกันปัญหาอย่างเต็มกำลัง
       
       ล่าสุด มีการประเมินจาก SecurityWeek บริษัทอินเทอร์เน็ตซีเคียวริตี้ในสหรัฐฯ ว่า Epsilon นั้นมีการส่งออกอีเมลมากกว่า 4 หมื่นล้านฉบับต่อปี ซึ่งดำเนินการแทนบริษัทอเมริกันมากกว่า 2,500 แห่ง โดยตัวเลขดังกล่าวไม่ได้รับการยืนยันใดๆจาก Epsilon
       
       นอกจากการเตือนภัยลูกค้าของแต่ละบริษัท รายงานระบุว่าบริษัทซึ่งเป็นลูกค้าที่เอาท์ซอร์สงานให้บริษัท Epsilon กำลังมีการสอบสวนภายในเพื่อวิเคราะห์และยืนยันข้อมูลที่ส่งให้ Epsilon โดยทั้งหมดยังไม่มีการให้ข้อมูลผลกระทบที่ลูกค้าได้รับในขณะนี้

ปรับปรุงข้อมูล : 9/11/2554 15:54:16     ที่มา : งานระบบเครือข่ายและบริการอินเทอร์เน็ต     จำนวนผู้เปิดอ่าน : 6692

กลุ่มข่าวสาร : ข่าวประกาศ

ข่าวล่าสุด

การถอนการติดตั้งโปรแกรม Adobe Creative Cloud
การถอนการติดตั้งโปรแกรม Adobe Creative Cloud ด้วย Creative Cloud Cleaner tool How and when to use the Creative Cloud Cleaner tool?ดาวน์โหลด Creative Cloud Cleaner tool สำหรับ Windows ดาวน์โหลด Creative Cloud Cleaner tool สำหรับ macOS ขั้นตอนการถอนการติดตั้งโปรแกรม Adobe Creative Cloud (ระบบปฏิบัติการ Windows)1. ทำการ ดาวน์โหลด Creative Cloud Cleaner tool สำหรับ Windows2. แตกไฟล์ zip คลิ๊กขวาเลือก Run as administrator3. เลือก e แล้วกด Enter4. พิมพ์ y กด Enter5. เลือกโปรแกรมที่ต้องการจะลบ เลือกลบทั้งหมด (All) พิมพ์ 1 แล้วกด Enter6.ดูหมายเลข ของ Clean All. ใส่หมายเลขแล้วกด Enter 7.พิมพ์ y กด Enter เพื่อยืนยันการลบโปรแกรม เมื่อเสร็จแล้วกด Enter ออกจากโปรแกรม แล้ว Restart เครื่องคอมพิวเตอร์ เป็นการเสร็จสิ้นขั้นตอนการลบโปรแกรม Adobe Creative Cloud  ขั้นตอนการถอนการติดตั้งโปรแกรม Adobe Creative Cloud (ระบบปฏิบัติการ macOS)ทำการดาวน์โหลด Creative Cloud Cleaner tool สำหรับ macOSแตกไฟล์ zip แล้ว Double Click เพื่อติดตั้งโปรแกรม กด Open3. เลือกโปรแกรมที่ต้องการจะลบ เลือกลบทั้งหมด (All) กด Clean All4. เมื่อทำการถอนการติตตั้งเสร็จ ปิดโปรแกรม แล้ว Restart เครื่องคอมพิวเตอร์ เป็นการเสร็จสิ้นขั้นตอนการลบโปรแกรม Adobe Creative Cloud 
13 พฤศจิกายน 2566     |      172
โครงการสัมมนา“ChatGPT กับการเพิ่มประสิทธิภาพการทํางาน”
คุณธนชาต วิวัฒนภูติ Business Development & Marketing Manager จากบริษัท ลานนาคอม จำกัด ที่ได้มาให้ความรู้โครงการ "ChatGPT กับการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน" กองเทคโนโลยีดิจทัล สำนักงานมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ได้ดำเนินการจัดโครงการสัมมนา“ChatGPT กับการเพิ่มประสิทธิภาพการทํางาน” เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ประยุกต์ใช้ให้ทันโลกแห่งการเปลี่ยนแปลง เรียนรู้วิธีการใช้งาน ChatGPT ให้เป็นประโยชน์ต่อมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ในวันพฤหัสบดีที่ 22 มิถุนายน 2566 เวลา 9.00-12.00 น. ผ่านระบบ Webinar MS Teamsเอกสารที่เกี่ยวข้องวิดีโอโครงการสัมมนา“ChatGPT กับการเพิ่มประสิทธิภาพการทํางาน” ช่วงที่ 1วิดีโอโครงการสัมมนา“ChatGPT กับการเพิ่มประสิทธิภาพการทํางาน” ช่วงที่ 2
16 กรกฎาคม 2566     |      423