งานระบบเครือข่ายและบริการอินเทอร์เน็ต
Networking Systems and Internet Services

บริษัทผลิตและจำหน่ายซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสอย่างไซแมนเทค (Symantec) ประกาศว่าสามารถตรวจจับภัยจากซอฟต์แวร์ร้ายหรือมัลแวร์ได้มากกว่า 286 ล้านโปรแกรมช่วงปี 2010 ที่ผ่านมา ถือเป็นตัวเลขที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับปีใดๆ ย้ำเห็นชัดว่าภัยออนไลน์จะพุ่งเป้าไปที่อุปกรณ์พกพาและเครือข่ายสังคมในปี นี้ รวมถึงกลการโจมตีแบบอัตโนมัติหลากรูปแบบ

ไซแมนเทคนั้นประกาศผลสำรวจภัยออนไลน์ประจำปี 2010 ไว้ในรายงาน Internet Security Threat Report ซึ่งบริษัทจัดทำเป็นประจำทุกปีต่อเนื่องกันเป็นปีที่ 16 แล้ว โดยนอกจากจำนวนมัลแวร์ที่เพิ่มขึ้น ความชำนาญและความสำเร็จของมัลแวร์ในปี 2010 ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน แม้จะมีการให้ความรู้เพื่อให้ชาวออนไลน์ลดพฤติกรรมเสี่ยงในการตกเป็นเหยื่อ อย่างจริงจังแล้วก็ตาม

เจอร์รี่ อีแกน ผู้อำนวยการสถาบันวิจัย Symantec Research Labs ระบุว่าปี 2010 คือปีที่ทิศทางการโจมตีในเครือข่ายสังคมเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยจากเดิมที่ผู้ประสงค์ร้ายมักใช้เพียงข่าวหรือกระแสสังคมในการล่อลวงผู้ ใช้ แต่เครือข่ายสังคมทำให้ผู้ปล่อยมัลแวร์สามารถหากินบนความไว้วางใจของเพื่อน ฝูงคนรู้จักของเหยื่อเอง ซึ่งมีเปอร์เซ็นต์สำเร็จสูง

"เครือข่ายสังคมกลายเป็นรูปแบบการโจมตีที่ได้รับความสนใจมาก ขึ้น เพราะชาวออนไลน์มีความเชื่อใจในข้อความซึ่งดูเหมือนว่าเพื่อนฝูงส่งมาพูดคุย ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับอีเมลลวงในยุคก่อน"

ไซแมนเทคพบว่าการโพสต์ลิงก์เว็บไซต์ ขนาดสั้น (short URL) ในเครือข่ายสังคมคือกลลวงที่สามารถล่อให้ผู้ใช้เข้าสู่เว็บไซต์ซึ่งฝัง มัลแวร์ได้สำเร็จมากที่สุด เนื่องจากชาวเครือข่ายสังคมนิยมโพสต์ลิงก์เว็บไซต์ขนาดสั้นนี้เพื่ออัปเดทข่าวกับเพื่อนฝูง จุดนี้ไซแมนเทคระบุว่าลิงก์เว็บไซต์แฝงมัลแวร์นั้นปรากฏในรูปลิงก์เว็บไซต์ ขนาดสั้นนี้ถึง 65% โดยมากกว่า 73% ถูกคลิก 11 ครั้งหรือมากกว่านั้น

นอกจากเครือข่ายสังคม ไซแมนเทคยังพบการโจมตีคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลผ่านช่องโหว่ในโปรแกรมภาษาจาวา (Java) เพิ่มขึ้น ข้อมูลระบุว่า มากกว่า 17% ของจุดอ่อนด้านความปลอดภัยซึ่งมีผลกระทบต่อโปรแกรมเสริมในโปรแกรมเว็บเบราว์ เซอร์ช่วงปี 2010 นั้นอยู่ที่จาวา

สำหรับชุดโปรแกรมโจมตีอัตโนมัติซึ่งพุ่งเป้าที่เว็บไซต์ต่างๆนั้นคิด เป็นสัดส่วน 2 ใน 3 ของภัยโจมตีเว็บไซต์ทั้งหมด โดยจำนวนการโจมตีเว็บไซต์ในปี 2010 นั้นสูงกว่าปี 2009 ถึง 93%

ที่ขาดไม่ได้คืออุปกรณ์พกพา ไซแมนเทคอธิบายว่าเพราะผู้บริโภคใช้งานอุปกรณ์เหล่านี้ในการเล่นอินเทอร์ เน็ตและทำงานด้านการประมวลผลแทนคอมพิวเตอร์มากขึ้น ทำให้นักก่อการร้ายไฮเทคมองตลาดนี้เป็นเค้กก้อนใหญ่ที่ไม่ควรพลาด แถมผู้ใช้ยังไม่มีความตระหนักรู้เรื่องภัยในอุปกรณ์พกพาเท่าภัยใน คอมพิวเตอร์ ทั้งหมดนี้ทำให้ไซแมนเทคพบว่านักก่อการร้ายไฮเทคใช้ ประโยชน์จากช่องโหว่ในโทรศัพท์มือถือมากกว่า 163 จุดในช่วงต้นปี 2011 ที่ผ่านมา จนทำให้โทรศัพท์หลายแสนเครื่องตกอยู่ในความเสี่ยง

ไซแมนเทคชี้ว่าช่องโหว่ในโทรศัพท์มือถือ 163 จุดนี้เป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นกว่า 115 จุดซึ่งไซแมนเทคพบในปี 2009 ถึง 42%

โดยเฉลี่ย ไซแมนเทคพบว่าชื่อหรือข้อมูลตัวตนมากกว่า 260,000 ไอเดนติตี้จะถูกขโมยต่อการถูกเจาะระบบ 1 ครั้งในปี 2010 โดยยอดภัยซอฟต์แวร์ประสงค์ร้ายหรือมัลแวร์ตลอดปีอยู่ที่ 286 ล้านมัลแวร์ซึ่งใช้ช่องโหว่ใหม่ 6,253 จุด (1 ช่องโหว่สามารถเป็นช่องทางปล่องมัลแวร์ได้หลายครั้งและหลายโปรแกรม) ซึ่งภัยมัลแวร์เหล่านี้ถูกใช้โจมตีมากกว่า 3 พันล้านครั้งในปีที่ผ่านมา

ภัยเก่าแก่อย่างบ็อตเน็ต (Botnet) หรือเครือข่ายเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ถูกควบคุมโดยแฮกเกอร์นั้นยังเป็นปัญหา ใหญ่ในปี 2010 ไซแมนเทคพบบ็อตเน็ตมากกว่า 1 ล้านเครื่องที่ถูกควบคุมในช่วงปีขาลที่ผ่านมา

ไซแมนเทคยังพบด้วยว่า นักเจาะระบบจะสามารถจำหน่ายหมายเลขบัตรเครดิตที่ขโมยมาได้ในราคา 7 เซนต์ถึง 100 เหรียญสหรัฐ ซึ่งจะถูกซื้อขายในตลาดใต้ดินทั่วโลก

การสำรวจครั้งนี้ของไซแมนเทคดำเนินการบนพื้นที่มากกว่า 200 ประเทศ โดยข้อมูลบางส่วนมาจากลูกค้าซึ่งใช้ซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสของไซแมนเทคมากกว่า 133 ล้านระบบในปี 2010

ปรับปรุงข้อมูล : 5/2/2554 14:48:21     ที่มา : งานระบบเครือข่ายและบริการอินเทอร์เน็ต     จำนวนผู้เปิดอ่าน : 9294

กลุ่มข่าวสาร : ข่าวประชาสัมพันธ์

ข่าวล่าสุด

Dugga - Digital Assessment Platform
Dugga - Digital Assessment Platform (https://www.dugga.com ผู้ช่วยคนสำคัญที่จะทำให้การสอบบนโลกออนไลน์ เป็นเรื่องที่ง่ายชูฟีเจอร์เด่น- ประเภทคำถามที่หลากหลายกว่า 15 ประเภท- ระบบความปลอดภัยขั้นสูงล็อกเครื่องกั้นโกง- ใช้งานร่วมกับ Microsoft Teams ได้อย่างไร้รอยต่อ- รองรับการเข้าสอบพร้อมกันได้ระดับหลักแสนคน- AI คุมสอบ ตรวจจับละเอียด พร้อมประเมินความเสี่ยงการทุจริตได้อย่างแม่นยำข่าวประชาสัมพันธ์• VDO อบรมการใช้งาน Dugga (วันที่ 4 กรกฎาคม 2567)คู่มือการใช้งานระบบ Dugga สำหรับอาจารย์คู่มือการใช้งานระบบ Dugga สำหรับนักศึกษาเกี่ยวกับ DUGGA          Dugga Digital Assessment หรือ Dugga (อ่านว่า ดุกก้า) เป็นแพลตฟอร์มการประเมินแบบดิจิทัลที่สามารถใช้ภายในโรงเรียนมัธยม มหาวิทยาลัย และองค์กรต่าง ๆ โดยแพลตฟอร์ม Dugga รองรับการใช้งานร่วมกับระบบปฏิบัติการทั่วไป เช่น Windows, Mac OS X, iPad OS และ Chrome OSการใช้งานสำหรับอาจารย์          1.เข้าที่ URL  https://auth.dugga.com/login จากนั้นเลือก Log in with Microsoft สามารถใช้งานผ่าน eMail มหาวิทยาลัยแม่โจ้
11 กรกฎาคม 2567     |      1953
วิธีการเปลี่ยนการยืนยันตัวตนโดยใช้ MFA Microsoft Authenticator
วิธีการเปลี่ยนการยืนยันตัวตนโดยใช้ MFA Microsoft Authenticatorเครื่องมือที่ใช้ในการยืนยันตัวตน Multi-Factor Authentication (MFA) เป็นวิธีการในการยืนยันตัวตน โดยใช้การยืนยันตัวตนหลายอย่าง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องผูกกับหมายเลขโทรศัพท์ ทำให้สะดวกในการใช้งานและมีความปลอดภัยมากขึ้น1. เข้า Email มหาวิทยาลัยแม่โจ้ https://www.office.comทำการลงชื่อผู้ใช้งานให้เรียบร้อย แล้วกดที่ Profile มุมขวาบน แล้วเลือก View account2. เลือก Security info3. ทำการลบ Sign-in method ที่ไม่จำเป็นออก เมื่อลบแล้วให้กด Add sign-in method4. เลือก Authenticator app กด Add5. ระบบจะแนะนำให้ผู้ใช้งานทำการติดตั้งโปรแกรม Microsoft Authenticator app ผ่านระบบมือถือ แล้วกด Next  ** ผู้ใช้งานสามารถเลือกติดตั้งได้ ตามระบบปฏิบัติการโทรศัพท์มือถือที่ใช้งานทั้ง Android และ iOS6. เมื่อทำการติดตั้งโปรแกรม Microsoft Authenticator app ผ่านระบบมือถือแล้ว กด Next7. เปิดโปรแกรม Microsoft Authenticator app ในโทรศัพท์มือถือ กดเพิ่มเครื่องหมาย +8. เลือก Work or school account แล้วเลือก Scan QR Code9. ทำการ Scan QR code ที่ปรากฎในหน้าจอ**หากไม่สามารถ Scan QR code ได้เนื่องจาก QR code หมดอายุ ให้คลิ๊ก Back แล้วกด Next เพื่อให้ QR Code แสดงใหม่แล้วทำการ Scan ใหม่อีกครั้ง10. เมื่อ Scan QR code บนโทรศัพท์มือถือสำเร็จ จะปรากฎชื่อบัญชีที่ตั้งค่าใน Microsoft Authenticator app และจะปรากฎชุดตัวเลข บนหน้าจอ11. ทำการกรอกตัวเลขไปยัง Microsoft Authenticator app บนโทรศัพท์มือถือ เพื่อยืนยันตัวตน แล้วกด Yes12. กด Next13. Microsoft Authenticator app ทำการยืนยันตัวตนสำเร็จแล้ว กด Done14. การยืนยันตัวตนโดยใช้ MFA Microsoft Authenticator สำเร็จแล้ว สามารถเลือกวิธีการยืนยันตัวตนได้ โดยกด Change15. ค่าเริ่มต้นการยืนยันตัวตนโดยใช้ MFA Microsoft Authenticator คือ App based authentication - notification
17 กุมภาพันธ์ 2567     |      8259
การเปิดใช้งาน MFA Microsoft Authenticator
การเปิดใช้งาน MFA Microsoft Authenticatorเข้าใช้งานเว็บไซต์ https://www.office.com ทำการลงชื่อผู้ใช้งาน Sign in2. Login โดยใช้ username @mju.ac.th แล้วกด Next3. ใส่รหัสผ่าน Email แล้วกด Sign in4. กด Next เพื่อเข้าใช้งาน5. ระบบจะแนะนำให้ผู้ใช้งานทำการติดตั้งโปรแกรม Microsoft Authenticator app ผ่านระบบมือถือ แล้วกด Next  ** ผู้ใช้งานสามารถเลือกติดตั้งได้ ตามระบบปฏิบัติการโทรศัพท์มือถือที่ใช้งานทั้ง Android และ iOS6. เมื่อทำการติดตั้งโปรแกรม Microsoft Authenticator app ผ่านระบบมือถือแล้ว กด Next7. เปิดโปรแกรม Microsoft Authenticator app ในโทรศัพท์มือถือ กดเพิ่มเครื่องหมาย +8. เลือก Work or school account แล้วเลือก Scan QR Code9. ทำการ Scan QR code ที่ปรากฎในหน้าจอ**หากไม่สามารถ Scan QR code ได้เนื่องจาก QR code หมดอายุ ให้คลิ๊ก Back แล้วกด Next เพื่อให้ QR Code แสดงใหม่แล้วทำการ Scan ใหม่อีกครั้ง10. เมื่อ Scan QR code บนโทรศัพท์มือถือสำเร็จ จะปรากฎชื่อบัญชีที่ตั้งค่าใน Microsoft Authenticator app และจะปรากฎชุดตัวเลข บนหน้าจอ11. ทำการกรอกตัวเลขไปยัง Microsoft Authenticator app บนโทรศัพท์มือถือ เพื่อยืนยันตัวตน แล้วกด Yes12. กด Next13. Microsoft Authenticator app ทำการยืนยันตัวตนสำเร็จแล้ว กด Done14. เข้าใช้งาน MS365 ผ่านเว็บ Browser ได้
15 กุมภาพันธ์ 2567     |      11749
การถอนการติดตั้งโปรแกรม Adobe Creative Cloud
การถอนการติดตั้งโปรแกรม Adobe Creative Cloud ด้วย Creative Cloud Cleaner tool How and when to use the Creative Cloud Cleaner tool?ดาวน์โหลด Creative Cloud Cleaner tool สำหรับ Windows ดาวน์โหลด Creative Cloud Cleaner tool สำหรับ macOS ขั้นตอนการถอนการติดตั้งโปรแกรม Adobe Creative Cloud (ระบบปฏิบัติการ Windows)1. ทำการ ดาวน์โหลด Creative Cloud Cleaner tool สำหรับ Windows2. แตกไฟล์ zip คลิ๊กขวาเลือก Run as administrator3. เลือก e แล้วกด Enter4. พิมพ์ y กด Enter5. เลือกโปรแกรมที่ต้องการจะลบ เลือกลบทั้งหมด (All) พิมพ์ 1 แล้วกด Enter6.ดูหมายเลข ของ Clean All. ใส่หมายเลขแล้วกด Enter 7.พิมพ์ y กด Enter เพื่อยืนยันการลบโปรแกรม เมื่อเสร็จแล้วกด Enter ออกจากโปรแกรม แล้ว Restart เครื่องคอมพิวเตอร์ เป็นการเสร็จสิ้นขั้นตอนการลบโปรแกรม Adobe Creative Cloud  ขั้นตอนการถอนการติดตั้งโปรแกรม Adobe Creative Cloud (ระบบปฏิบัติการ macOS)ทำการดาวน์โหลด Creative Cloud Cleaner tool สำหรับ macOSแตกไฟล์ zip แล้ว Double Click เพื่อติดตั้งโปรแกรม กด Open3. เลือกโปรแกรมที่ต้องการจะลบ เลือกลบทั้งหมด (All) กด Clean All4. เมื่อทำการถอนการติตตั้งเสร็จ ปิดโปรแกรม แล้ว Restart เครื่องคอมพิวเตอร์ เป็นการเสร็จสิ้นขั้นตอนการลบโปรแกรม Adobe Creative Cloud 
13 พฤศจิกายน 2566     |      8866